การประชุมวิชาการประจำปี “สมวัย สบายใจ”

การประชุมวิชาการประจำปี “สมวัย สบายใจ”
ผู้บันทึก :  นางสาวจามจุรี แซ่หลู่, นางวันดี แก้วแสงอ่อน และ นางสาวลักษณ์นันท์ เดชบุญ
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 9 ก.ย. 2553   ถึงวันที่  : 10 ก.ย. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช
  จังหวัด :  นครศรีธรรมราช
  เรื่อง/หลักสูตร :  การประชุมวิชาการประจำปี “สมวัย สบายใจ”
  วันที่บันทึก  13 ก.ย. 2553


 รายละเอียด
               Osteoporosis (กระดูกพรุน) ร่างกายของคนเราจะมีการสร้างและการทำลายของกระดูกตลอดเวลา และมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้คงทนกับการใช้แรงต่างๆ เซลล์กระดูกที่สร้างขึ้นมาจะมีอายุอยู่ได้นานมากประมาณ 10 ปี ในการสร้างกระดูกจะมี osteocyte เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างกระดูกขึ้นมาใหม่ ซึ่งการกระตุ้นจะส่งผ่านไปยังเซลล์ที่มีลักษณะคล้ายขนเป็นตัวรับรู้ แล้วส่งข้อมูลผ่านไปยังเซลล์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการรับรู้ได้ทุกเซลล์กระดูก ซึ่งเป็นลักษณะที่เรียกว่า communication of osteocyte โดยปกติร่างกายจะมีการสร้างและการทำลายของเซลล์กระดูกที่สมดุลกัน เมื่อไรที่ทำให้ขาดความสมดุลของการสร้างและการทำลายก็ทำให้เกิดภาวะกระดูก พรุนได้ ภาวะกระดูกพรุนพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงจะพบได้บ่อยในช่วงที่หมดประจำเดือนใหม่ๆ กระดูกพรุนในผู้หญิงและในผู้ชายจะแตกต่างกัน กระดูกพรุนในผู้หญิงจะเกิดจากการทำลายมาก ส่วนในผู้ชายเกิดจากการสร้างกระดูกน้อย ทำให้ผู้หญิงมีกระดูกเสียหายและบางมากกว่าผู้ชาย วัตถุประสงค์ของการรักษากระดูก คือการทำให้มีการทำงานภายในเซลล์มีการทำงานที่ดี คงความหนาแน่นของมวลกระดูกไว้ ลดปวด ลดความพิการผิดรูป ป้องกันการเกิดการหักของกระดูก ป้องกันการเกิด และการค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงและให้ความรู้ การรักษาทำได้โดยทั้งใช้ยาและไม่ใช้ยา โดยไม่ใช้ยาแนะนำให้ดื่มนมและไม่ควรดื่มพร้อมกับผัก เพราะในผักจะมีสารที่ทำให้ลดการดูดซึมของแคลเซียม แนะนำให้ผู้ป่วยเดินออกแดดบางในช่วงเช้า รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง การออกกำลังกาย การจัดท่าทางของร่างกายที่ถูกต้อง ในผู้หญิงหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟมากกว่าวันละสองแก้ว เพราะว่าแคลเซียมจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะมากกว่าปกติ การรักษาโดยการใช้ยา วิธีการใช้ยาที่ดีที่สุดคือการพยายามจะทำให้เกิดความสมดุลของการสร้างและการ ทำลาย ในการใช้ยาต้องระวัง เพราะว่ายาบางตัวทำให้กระดูกแข็งแต่เปราะได้ง่าย ยาที่ใช้มีทั้งยาที่กระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูก ยาพวกฮอร์โมนซึ่งส่วนใหญ่จะจ่ายโดยสูติแพทย์ การให้แคลเซี่ยม (Calcitonin) ให้ parathyroid hormone ยาออกฤทธิ์ต้านเซลล์ที่ทำลายกระดูก เป็นยาในกลุ่ม bisphophonate เช่น alendonate ให้วิตามินเค ยาprotaxose เป็นยาที่ช่วยในการสร้างกระดูก ยาทุกตัวที่ใช้ไม่ได้แนะนำให้ใช้ตลอดชีวิต เป็นการใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้น เมื่อเริ่มอายุมากขึ้น ก็เริ่มด้วยการให้ฮอร์โมน ต่อไปจึงจะเริ่มให้ยาตัวอื่นๆ การปวดหลัง (Low Back Pain) ภาวะของอาการปวดหลังพบได้มาก เมื่อมีอาการปวดหลังผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจให้แน่ชัดเพื่อหาสาเหตุที่ทำ ให้เกิดอาการปวด ซึ่งอาการปวดอาจเกิดได้จากการผิดปกติของการเลื่อนของหมอนรองข้อกระดูก หมอนรองกระดูกถูกกด กระดูกเลื่อน กระดูกหัก การรักษาอาการปวด สามารถรักษาได้หลายๆ วิธี เช่นการให้ยาลดปวด ในรายที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผลก็รักษาโดยการผ่าตัด การฝังเข็ม การออกกำลังกายเพื่อให้เกิดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยรองรับการกระแทก ของกระดูก ยาที่ใช้ในการรักษาอาการปวดหลัง มีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ (1) Non-opioids- paracetamol, NSAIDs, and Selective COX-2 Inhibitors; (2) Opioids- Weak opioids (Codeine, Tramadol) and Strong opioids (Morphine, Fentanyl); and (3) Adjuvants- antidepressants and anticonvulsants การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ เมื่อคนเราอายุมากขึ้นสิ่งที่ลดลงคือ อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลง การบีบตัวของหัวใจลดลง มีประสิทธิภาพลดลง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง ความหนาแน่นของกระดูกลดลง โดยเฉพาะผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน การขยายตัวของปอดไม่เต็มที่ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีความดันในขณะหัวใจคลายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากหลอดเลือดมาการตีบตัวหนาตัว มากขึ้น ทำให้แรงต้านการบีบตัวเพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น คนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะเห็นว่ามีความเสื่อมเกิดขึ้นเหมือนกันแต่จะเกิดช้ากว่าคนที่ออกกำลังกาย หรืออาจพูดได้ว่าการออกกำลังกายทำให้ช่วยชะลอความสูงวัยได้ การออกกำลังกายในขณะที่สูงวัยก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการชะลอ ความเสื่อมได้เหมือนกันและเกิดความฟิตของร่างกายได้ การออกกำลังกายในผู้สูงวัยจะปลอดภัยหรือไม่ ก็ต้องตรวจร่างกายดูก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นการดูปัญหาสุขภาพ เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนและหาวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงข้อห้ามต่างๆ จะปกติแบ่งคนออกเป็น 3 กลุ่ม แข็งแรงดี เริ่มมีความเสี่ยง มีโรคประจำตัวอยู่ ปัจจัยเสี่ยง อายุมาก มีโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง ไม่มีกิจวัตรประจำวัน ก่อนที่จะออกกำลังกายเพื่อความปลอดภัยควรจะได้ตรวจสอบ Senior Fitness Test (SFT) เป็นการทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนและขา ความคล่องตัว น้ำหนักตัว การทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเมื่อวัดจะบอกถึงการทำหน้าที่ในการใช้งาน การทดสอบโดยการลุกนั่งจากเก้าอี้เพื่อดูกำลังขา เพื่อบอกว่าสามารถขึ้นลงบันไดได้ไม่ นั่งกอดอกแล้วลุกขึ้นลงแล้วดูว่าทำได้กี่ครั้ง ทดสอบโดยการยกน้ำหนักประมาณ 5-8 ปอนด์ ดูว่ามีความทนไม่ ทำได้โดยการเดินในเวลา 6 นาที ว่าเดินได้ประมาณกี่เมตร ทดสอบโดยการยกเข่า ทดสอบการยืดขาแล้วใช้มือไปแตะ ทดสอบโดยการเอื้อมมือไปแตะมืออีกข้างด้านหลัง วัดความเร็วในการเดิน การวัด body mass index (normal ไม่เกิน 23) ข้อมูลของการตรวจสอบที่ได้จะช่วยบอกแนวทางในการออกกำลังกายที่เหมาะสมให้กับ ผู้สูงวัยได้ ซึ่งการออกกำลังกายจะมีทั้ง Aerobic exercise เป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดใหญ่ Strengthening Exercise เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Flexible Exercise การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น Balance Exercise เป็นการออกกำลังกายเพื่อรักษาความสมดุล การทรงตัว เช่นการรำมวยจีน การเต้นรำ Functional Exercise Training โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) โรคข้อเสื่อม เป็นโรคเกี่ยวกับข้อที่พบได้บ่อยที่สุดและเป็นสาเหตุของความพิการได้มากในคน สูงอายุ สาเหตุของการเกิดโรคยังไม่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตามโรคนี้มีความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึมของข้อต่อ โดยมีการทำลายของกระดูกอ่อนมากกว่าการสร้าง อาการสำคัญที่เกิดขึ้นคือ ปวดข้อ การอักเสบ ซึ่งเป็นผลตามมาจากการที่มีการทำลายกระดูกอ่อนแล้วก่อให้เกิดปัจจัยที่ไป กระตุ้นกระบวนการอักเสบขึ้นในน้ำไขข้อ (synovial fluid) พบว่าข้อที่เสื่อมจะมีการสร้าง cytoclines และสารสื่อชนิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบขึ้นมาเป็นปริมาณมาก การรักษาโรคข้อเสื่อม มีทั้งการให้คำแนะนำและการใช้ยา การให้คำแนะนำ ทำได้โดยแนะนำให้ลดน้ำหนัก การออกกำลังกายที่พอเหมาะเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงช่วยพยุงกระดูก งดการออกกำลังกายที่ทำให้ข้อต้องรับน้ำหนักมาก สำหรับการใช้ยา ยาที่ใช้จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ยาที่รักษาตามอาการ แบ่งออกเป็น 1.1 ยาบรรเทาปวด (analgesics) และยาบรรเทาอาการกลุ่ม NSAIDs ยาบรรเทาปวดที่ใช้กันมากได้แก่ paracetamol ส่วนยากลุ่ม NSAIDs มีใช้ทั้งชนิดที่เป็น cyclooxygenase (COX) nonspecific inhibitors เช่น ibuprofen, diclofenac ซึ่งยาเหล่านี้จะออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ชนิด COX-2 selective inhibitors เช่น nimesulid, nabumetone ชนิด COX-2 specific inhibitors เช่น celecoxib เป็นยาที่ไม่ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร 1.2 Slow-acting, anti-osteoarthitic drugs ยาจะออกฤทธิ์อย่างช้าๆ ช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบของข้อเสื่อมได้ ไม่ระคายเคืองทางเดินอาหาร 2. ยาที่ช่วยชะลอหรือหยุดการรุดหน้าของโรค (disease modifying-anti-osteoarthitic drugs) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ช่วยปกป้องเซลล์กระดูกอ่อนไม่ให้ถูกทำลายและช่วยซ่อมแซม กระดูกอ่อนที่ถูกทำลายไป ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ diacerein ช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อเสื่อมได้ดี ไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ใช้รับประทานในขนาดครั้งละ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง จากการศึกษาในหลอดทดลองแสดงให้เห็นว่ายานี้อาจมีฤทธิ์ช่วยชะลอการรุดหน้าของ โรคข้อเสื่อมได้


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              การจัดการเรียนการสอนรายวิชาการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
              การสอนภาคปฏิบัติ ณ หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกหญิง

(321)

การประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนก ประจำปี 2553 “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”

การประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนก ประจำปี 2553 “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”
 ผู้บันทึก :  นางสาวจามจุรี แซ่หลู่, นางธมลวรรณ แก้วกระจก, นางเกษร ปิ่นทับทิม และนางสาวขจิต บุญประดิษฐ
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 25 ส.ค. 2553   ถึงวันที่  : 26 ส.ค. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สถาบันพระบรมราชชนก
  จังหวัด :  กรุงเทพมหานคร
  เรื่อง/หลักสูตร :  การประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนก ประจำปี 2553 “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”
  วันที่บันทึก  6 ก.ย. 2553


 รายละเอียด
               ชีวิตคือการศึกษาการศึกษาคือชีวิต อาจพูดได้อีกนัยหนึ่งว่า การเรียนรู้คือชีวิตและชีวิตคือการเรียนรู้ ในการสอนนักศึกษาให้เกิดการเรียนรู้นั้นคงไม่ใช่เป็นแค่เพียงไปใส่ความรู้ ให้ แต่ต้องให้วิธีการไปให้เขาจัดการกับชีวิตของตนเองได้ การเรียนรู้ที่ดีคือการเอาโจทย์ของชีวิตมาแก้ และเอาสิ่งที่ดีๆ ที่มีอยู่มาพัฒนา วิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน มีการเรียนรู้ร่วมกัน มาช่วยเติมเต็มการเรียนรู้ ในการพัฒนาการเรียนรู้ให้ยั่งยืนนั้นมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ขั้นคือ (1) รอด (survival) หลุดพ้นจากวงจรที่ไม่ดี (2) พอเพียง (sufficient) เข้มแข็งด้วยระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งตนเอง (3) ยั่งยืน (sustainable) มั่นคง ยืนหยัดได้ในโลกาภิวัฒน์ โลกแห่งการแข่งขัน ในเรื่องของการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญคือชุมชน หรืออาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าขุมทรัพย์ในชุมชน ซึ่งประกอบด้วย ทุนทรัพยากร ภูมิปัญญา สังคม กฎเกณฑ์สังคม จารีตประเพณี ในการช่วยให้เกิดการเรียนรู้ต้องให้บุคคลมีการปรับวิธีคิดหรือปรับกระบวน ทัศน์ รู้จักจัดระเบียบชีวิต เช่นการเลิก ลด ทดแทน และมีการสร้างสมดุลให้กับชีวิต ครอบครัว งาน เวลา และเงิน การเรียนรู้ชีวิต หรือมหาวิทยาลัยชีวิต มีความแตกต่างจากการเรียนรู้ในห้องเรียนในมหาวิทยาลัยคือ เอาครอบครัว ชุมชน สังคมเป็นกรอบ เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง เรียนมาก สอนน้อย เข้าใจการปฏิบัติ ช่วยกันเรียน ช่วยตนเองได้ ช่วยคนอื่นได้ เรียนได้ปริญญาและชีวิต อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและมีกิน ช่วยให้คนเปลี่ยนความกลัวเป็นความรู้ การปฏิรูปการศึกษาระดับอุดมศึกษา การศึกษาในปัจจุบันยังไม่ได้พัฒนาไปเท่าที่ควร จากการสำรวจความรู้ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาพบว่าความรู้ของนักเรียนไม่ ผ่าน 50% เกือบทุกวิชา วิชาที่ผ่านมีวิชาเดียวคือ ภาษาไทย ซึ่งผ่านเพียง 51% เท่านั้น ดังนั้นปัญหาจึงสืบเนื่องต่อไปยังระดับอุดมศึกษา ทำให้นักศึกษาที่เข้าเรียนระดับอุดมศึกษามีความรู้อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นสิ่งที่มหาวิทยาลัยควรส่งเสริมเพื่อให้เกิดคุณภาพมากขึ้นคือ เข้มงวดเรื่องคุณภาพของการจัดการเรียนการสอน เน้นเรื่องการวิจัยและต้องเป็นการวิจัยที่มีคุณภาพ และนำความรู้ไปย่อยสลายแล้วนำไปให้บริการชุมชนอย่างแท้จริง การสอนทัศนคติ การเรียนสภาพจริง: เปลี่ยนความคิดพิชิตความจริง คนทุกคนมีมุมมอง มีความคิดที่ต่างกัน ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความคิดของบุคลากรทางด้านสาธารณสุขในปัจจุบัน สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาในการดูแลสุขภาพ จากปัญหาที่เกิดขึ้นจึงส่งผลให้เกิดแนวคิดของการแก้ปัญหาที่ต้นตอ คือ การดูแลสุขภาพที่คำนึงถึงมุมมองที่ต่างกันของแต่ละบุคคล หรืออีกนัยหนึ่งคือต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (individual) การคิดของคนมักติดอยู่กับทัศนคติ ติดกรอบความคิดของตัวเราเอง ซึ่งความคิดนี้ก็จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมและการเรียนรู้เดิมของคน ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญของการดูแลสุขภาพก็คือ อย่าเอากรอบความคิดของตัวเราเองไปตัดสินผู้อื่นทันที เพียงแค่เห็นหรือฟังจากผู้อื่น แต่ขอให้เข้าใจ ทำความเข้าใจกับเหตุผลในสิ่งที่ผู้ป่วยปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเข้าใจผู้ ป่วย ให้เข้าใจคนให้มากขึ้น ซึ่งในการเข้าใจคนนี้ อาจารย์ต้องนำเข้าไปแทรกในการจัดการศึกษาด้วย สิ่งสำคัญของการจัดการศึกษาคือ การให้นักศึกษารู้จักตนเอง เมื่อเกิดความรู้จักตนเองแล้วก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผู้อื่นได้ การที่จะทำความเข้าใจผู้อื่น เข้าใจมุมมองผู้อื่นได้ดีคือ การเข้าไปศึกษาตามสภาพความเป็นจริง อาจารย์มีบทบาทที่สำคัญต้องประเมินความคิดของนักศึกษาให้ออก และสอนให้นักศึกษาประจักษ์ได้ ให้นักศึกษามองเห็นว่ามุมมองความคิดของนักศึกษาต่างจากของบุคคลในชุมชนอย่าง ไร บางครั้งอาจารย์ก็ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับนักศึกษา ให้นักศึกษาลงไปศึกษาตามสภาพความเป็นจริงจะเป็นตัวที่ช่วยในเรื่องของการ ปรับทัศนคติ ปรับความคิด เปลี่ยนมุมมองให้อาจารย์และนักศึกษาหลุดจากกรอบได้ สอนให้นักศึกษาเห็นที่มาของความคิด แล้วความคิดนำไปสู่พฤติกรรมได้อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจได้ว่า “ความจริงที่เห็นแตกต่างจากที่คิด” พัฒนาคน…พัฒนางาน พัฒนาบริการให้ยั่งยืน ปัญหาโรคเรื้อรังเป็นปัญหาที่สำคัญมากในระบบบริการในปัจจุบัน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ การแก้ไขปัญหาที่โรคอย่างเดียว ซึ่งเป็นการแก้ที่ไม่ตรงจุดนัก รักษาตามปัญหาที่พบ แต่ไม่ได้ปรับในเรื่องของพฤติกรรม ส่วนใหญ่เพียงแค่ ให้คำแนะนำ ปรับยาเพื่อให้สามารถควบคุมโรคให้ได้ ในการให้ความรู้ก็ให้ความรู้ตามทฤษฏีทื่อๆ ไป ซึ่งบางอย่างอาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยก็ได้ เนื่องจากไม่เข้าใจชีวิตที่แท้จริงของผู้ป่วย แนะนำในสิ่งที่ผู้ป่วยไม่สามารถปฏิบัติได้ ไม่เข้ากับวิถีชีวิตของผู้ป่วย ดังนั้นการให้บริการสุขภาพในปัจจุบันจึงควรแทรกเรื่องความเข้าใจมนุษย์เข้า ไปด้วย เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการและยังช่วยให้เกิดความสอดคล้องกับแหล่งการ ศึกษาทำให้นักศึกษาไม่สับสน และเกิดความเข้าใจคนมากขึ้น ในการแทรกเรื่องการเข้าใจมนุษย์เข้าไปในการจัดการศึกษาเวชปฏิบัติ แทรกได้ในเรื่องของการซักประวัติ ต้องเข้าใจผู้ป่วยว่าทำไมถึงเกิดปัญหา และไม่สามารถควบคุมโรคได้ ปัจจัยอะไรที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมโรคได้ ปัจจัยอะไรที่ส่งเสริมให้ควบคุมโรคได้ การซักประวัติ ก็เปรียบเสมือนการวิจัยเชิงคุณภาพ เมื่อเข้าใจผู้ป่วย จะทำให้เปลี่ยนวิธีการดูแล เข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น ไม่ดุเมื่อผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมโรคได้ และมีความเมตตา ให้การดูแลด้วยใจมากขึ้น


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              การเรียนการสอนรายวิชาการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ 1, 2, และ 3 การสร้างเสริมสุขภาพฯ การพยาบาลมารดาทารก และเทคนิคและหลักการพยาบาลพื้นฐาน


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
              การจัดการเรียนการสอนที่เน้นการศึกษาสภาพจริงในรายวิชาทางการพยาบาล


(321)

ประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนก ประจำปี ๒๕๕๓ “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”

ประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนก ประจำปี ๒๕๕๓ “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”
ผู้บันทึก :  นางสาววิลาสินี แผ้วชนะ และ นางเกษรา วนโชติตระกูล
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 25 ส.ค. 2553   ถึงวันที่  : 26 ส.ค. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สถาบันพระบรมราชชนก
  จังหวัด :  กรุงเทพมหานคร
  เรื่อง/หลักสูตร :  ประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนก ประจำปี ๒๕๕๓ “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”
  วันที่บันทึก  6 ก.ย. 2553


 รายละเอียด
               ก. การบรรยายเรื่อง “ชีวิตคือการเรียนรู้ การเรียนรู้คือชีวิต” โดย ดร.เสรี พงศ์พิศ ผู้อำนวยการโครงการมหาวิทยาลัยชีวิต โลกปัจจุบันนี้ ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด ดังนั้น ในการดำเนินชีวิตจึงอาศัยการปรับตัวอย่างมาก ซึ่งการปรับตัวนั้นต้องอาศัยความรู้เป็นพื้นฐานสำคัญ มีการยกตัวอย่างบุคคลหลากหลายอาชีพที่ได้มาศึกษาในโครงการมหาวิทยาลัยชีวิต สิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตคือ ต้องจัดการชีวิตของตนให้เป็นระเบียบและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ก่อน มีการตั้งเป้าหมายในชีวิต เพื่อเป็นเส้นชัยให้เราเดินไปถึง อยู่อย่างไรให้พอเพียงในยุคนี้ เรียนรู้ให้สามารถอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เชื่อมั่น รู้ว่ารากเหง้าของตนมาจากไหน คนเราไม่มีใครไม่รู้อะไรเลย และไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง ดังนั้น เราจึงควรมาเรียนรู้ด้วยกัน พร้อมกัน ต้องมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการระเบิดจากข้างใน นั่นคือ การมีจิตสำนึกของตัวเอง ครอบครัว และชุมชน มีการยกตัวอย่างการพัฒนาชุมชนโดย อบต. ซึ่งทำครบวงจร ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน โดยสรุป ขั้นตอนของการพัฒนาที่ยั่งยืน ประกอบด้วย ๓ S ได้แก่ รอด (Survived) พอเพียง (Sufficient) และ ยั่งยืน (Sustainable) และอาศัยขุมทรัพย์ในชุมชน ได้แก่ ทุนทรัพยากร ทุนทางปัญญา และทุนทางสังคม การได้รับปริญญาชีวิต ต้องมีการปรับวิธีคิด จัดระเบียบชีวิต และสร้างสมดุลให้กับชีวิต ข. การบรรยายเรื่อง “การปฎิรูปการศึกษาระดับอุดมศึกษา” โดย ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา การจัดการศึกษาในประเทศไทย อาจจะไม่เป็นที่พึงพอใจของคนในสังคมเท่าไรนัก มีการจัดการศึกษาสำหรับคนเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น ผู้พิการ ปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษาของไทยมีปริมาณมาก เป็นของรัฐ ๒ ใน ๓ แต่คุณภาพไม่แน่ใจ บางสาขามีปริมาณมาก คนเรียนมาก พบข้อจำกัดในการกำกับสถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ ความเป็นอิสระทางวิชาการ การเมือง มีคนต้องการเรียนในสายสามัญ เข้าสู่มหาวิทยาลัยมาก ต้องมีการปรับสัดส่วนให้เรียนสายอาชีพเพิ่มขึ้น โดยอีกประมาณ ๘ ปีข้างหน้าต้องปรับสัดส่วนสายอาชีพต่อสามัญ เป็น ๖๐ ต่อ ๔๐ การปฏิรูปการศึกษาของไทย ต้องเปิดช่องทางอื่นๆ ให้ได้เรียน มากกว่าเข้ามหาวิทยาลัย โดยคำนึงถึงความต้องการของตลาด และใช้ TQF มาควบคุม สิ่งที่มหาวิทยาลัยยังต้องพัฒนาอีกต่อไปคือ การวิจัย การเป็นมหาวิทยาลัยที่แท้จริง คือ การบุกเบิกความรู้ใหม่ๆ ไม่ใช่ ผู้สอนหนังสือเท่านั้น รวมทั้งการบริการวิชาการ เอาความรู้ที่ได้จากการวิจัยย่อยสู่คนในสังคม ไม่ใช่ ทำแค่พิธีกรรม หน้าที่มหาวิทยาลัย เน้นคุณภาพบัณฑิต มุ่งแสวงหาความรู้ใหม่ กระจายสู่ชาวบ้าน ค. เสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมการจัดการศึกษา “เปลี่ยนความคิด พิชิตความจริง” ทัศนคติกับการเรียนการสอน ทัศนคติเป็นเรื่องของมุมมอง การคิดของแต่ละคน การปรับมุมมอง ต้องใช้สถานการณ์จริง และทำซ้ำๆๆๆ การสอนทัศนคติและเนื้อหาสาระต้องควบคู่กัน ควรรับฟังความคิดของผู้อื่น ดูเงื่อนไข ความจำเป็นของเค้าก่อนตัดสิน ง. เสวนา “ครอบครัวเดียวกัน” ตัวแทนนักศึกษา ๕ วิทยาลัย (พะเยา ขอนแก่น จักรีรัช ชลบุรี และนครศรีธรรมราช) เล่าถึงกิจกรรมครอบครัวเดียวกันของแต่ละวิทยาลัย และความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม พบว่า นักศึกษาทุกวิทยาลัยรู้สึกอบอุ่น กล้าพูด สามัคคี เรียนรู้จากประสบการณ์จริง จ. เสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมการจัดการศึกษา “ทฤษฎีการประยุกต์ใช้ องค์ความรู้ในชีวิตจริง” การศึกษาคือการเรียนรู้ ไม่ควรให้กรอบทฤษฎีมาทำให้ปิดกั้นไม่เห็นชีวิตจริง เน้นการเรียนรู้จากการสังเกต ประสบการณ์ชีวิต ปฏิบัติจริง ด้วยน้ำมือและหัวใจ มากกว่าท่องจำจากตำรา ธรรมชาติการเรียนรู้ของคน เริ่มจากปัญหาความต้องการของบุคคล เรียนรู้จากประสบการณ์จริง สรุปเป็นแนวคิดรวบยอด นำไปแก้ไขปัญหาได้อย่างสอดคล้องกับชีวิตจริง คิดค้นต่อยอดทฤษฎีอื่นๆได้ เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติของตนให้ดียิ่งขึ้น


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              การเรียนการสอนที่เน้นให้นักศึกษาศึกษาจากสภาพจริง เช่น การสัมภาษณ์จากผู้ป่วย การสังเกตอาการของผู้ป่วย และการประเมินผลที่สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนการสอน


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
              การจ้ดการเรียนการสอนรายวิชาภาคทฤษฎีและภาพปฏบิติ

(341)

ประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนกประจำปี 2553 เรื่อง “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”

ประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนกประจำปี 2553 เรื่อง “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”
ผู้บันทึก :  นางสาวจันทิมา ช่วยชุม
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 25 ส.ค. 2553   ถึงวันที่  : 26 ส.ค. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สถาบันพระบรมราชชนก
  จังหวัด :  กรุงเทพมหานคร
  เรื่อง/หลักสูตร :  ประชุมวิชาการสถาบันพระบรมราชชนกประจำปี 2553 เรื่อง “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต”
  วันที่บันทึก  6 ก.ย. 2553


 รายละเอียด
               1. ตามหัวข้อเรื่อง “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต” เป็นการเรียนรู้ในเรื่องความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาความเป็นตัวตนของเรา บุคคลที่อยู่รอบข้างอันหมายรวมไปถึงทั้งบุคคลที่ใกล้ชิดและห่างออกไปในสังคม ที่อาศัยอยู่ นั่นก็คือชุมชนนั้นๆนั่นเอง ซึ่งตรงตามพันธกิจของวิทยาลัยที่จะจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาโดยใช้ชุมชน เป็นฐาน ส่งผลให้ได้แนวทางที่หลากหลายในการจะนำไปสู่กระบวนการจัดการเรียนการสอนโดย การ บูรณาการ ทรัพยากร บุคลากร สิ่งแวดล้อม และหัวใจของความเป็นมนุษย์ มาใช้ให้เหมาะสมกับรายวิชาที่รับผิดชอบ 2. ในเวทีเสวนาเป็นการนำเสนอและตีแผ่กระบวนการ การดำเนินการ การจัดการความรู้ของทั้งครูผู้สอน นิสิตนักศึกษา โดยผ่านชุมชนที่ทำการศึกษาในบริบทที่แตกต่างกัน หากแต่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของความเป็นมนุษย์ ความเป็นบุคคลในแต่ละสถานะ รวมถึงความคิดและความเชื่อของบุคคลนั้นๆ 3. ในเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมการจัดการศึกษา เป็นการนำเสนอผลงานวิจัยที่สอดคล้องกับการเรียนสภาพจริง นั่นคือ การเรียนรู้ที่ต้องพัฒนาสู่โลกแห่งยุค 3G หากแต่ก็ต้องไม่ลืมพัฒนากำลังคนทั้งด้านความรู้ คุณธรรมจริยธรรม และการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นๆในสังคมอย่างมีความสุขร่วมด้วย ซึ่งจะไปถึงจุดนั้นได้การจัดการศึกษา และการสร้างนวัตกรรมที่หลากหลาย จึงเป็นเครื่องมือสำคัญ


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              1. ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนโดยการบูรณาการ ทรัพยากร บุคลากร สิ่งแวดล้อม และหัวใจของความเป็นมนุษย์ มาใช้ให้เหมาะสมกับรายวิชาที่รับผิดชอบ 2. พัฒนาความคิดและทัศนคติเกี่ยวกับนวัตกรรมการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับการเรียนตามสภาพจริง


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
              การเรียนการสอนรายวิชาในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

(288)

“เพศกับบุหรี่: จุดเน้นการตลาดในผู้หญิง”

“เพศกับบุหรี่: จุดเน้นการตลาดในผู้หญิง”
  ผู้บันทึก :  นางสาวยุพาวรรณ ทองตะนุนาม
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 9 ส.ค. 2553   ถึงวันที่  : 10 ส.ค. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย) มหาวิทยาลัยมหิดลและภาคีเครือข่าย
  จังหวัด :  กรุงเทพมหานคร
  เรื่อง/หลักสูตร :  “เพศกับบุหรี่: จุดเน้นการตลาดในผู้หญิง”
  วันที่บันทึก  31 ส.ค. 2553


 รายละเอียด
               ๑.๑ ด้านเนื้อหาสาระ จากผลการสรุปสถานการณ์การควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศไทยปี พ.ศ. 2552 ของศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) พบว่าอัตราการบริโภคยาสูบของประชาชนลดลงจาก 21.22% ในปี พ.ศ.2550 เป็น 20.70% ในปี พ.ศ. 2552 แต่จำนวนผู้บริโภคยาสูบกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 10.86 ล้านคนในปี พ.ศ. 2550 เป็นจำนวน 10.90 ล้านคนในปี พ.ศ. 2552 จากการเพิ่มขึ้นของนักสูบหน้าใหม่ นอกจากนั้นยังพบว่า ช่วงอายุที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุด คือ ประชากรอายุ 25-59 ปี รองลงมาคือช่วงอายุ 19 – 24 ปี ช่วงอายุ 60 ปี และ 15 – 18 ปีตามลำดับ และเป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มอายุ 15 – 24 ปีมีอัตราสูบบุหรี่สูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 จากการศึกษายังพบว่าผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่ อยู่ในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส มีการศึกษาน้อย อยู่ในชนบท และยากจน จากรายงานพบว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชมีผู้สูบบุหรี่ร้อยละ 21.84 ของประชากร การออกมาตรการเพื่อควบคุมการบริโภคยาสูบในประเทศไทยได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 พบว่ามาตรการด้านการเพิ่มภาษีบุหรี่และการห้ามโฆษณาจัดว่าเป็นมาตรการที่มี ประสิทธิผลสูงสุดในการลดอัตราการบริโภคยาสูบ รองลงมาคือการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ด้วยสื่อ มาตรการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและมาตรการเตือนภัยจากบุหรี่และในปี พ.ศ. 2553 ได้มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 19 เรื่องการกำหนดชื่อหรือประเภทของสถานที่สาธารณะที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพ ของผู้ไม่สูบบุหรี่และกำหนดส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของสถานที่สาธารณะดัง กล่าวเป็นเขตสูบบุหรี่หรือปลอดบุหรี่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2553 โดยสถานที่ที่ประกาศเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ทั้งหมดได้แก่ สถานบริการสาธารณสุขและส่งเสริมสุขภาพ สถานศึกษา และสถานที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น สถานที่ออกกำลังกายและสถานการกีฬา ร้านค้า สถานบริการและสถานบันเทิง บริเวณโถงพักคอย และบริเวณทางเดินทั้งหมดภายในอาคาร สถานบริการทั่วไป สถานที่ทำงาน และสถานที่สาธารณะทั่วไปและยานพาหนะและสถานีขนส่งสาธารณะ และศาสนสถาน สถานปฏิบัติธรรมในศาสนาและนิกายต่างๆ ในปี พ.ศ. 2553 องค์การอนามัยโลกได้ให้คำขวัญว่า “Gender and Tobacco with an emphasis on marketing to women” ให้แก่ประเทศสมาชิกและประชาคมโลก โดยประเทศไทยได้ขานรับนโยบายนี้โดยการให้ความสำคัญและมุ่งเป้าหมายไปยังการ ควบคุมยาสูบและส่งเสริมการปลอดบุหรี่ในผู้หญิง จากการอภิปรายโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในประเด็นของเพศกับบุหรี่: จุดเน้นการตลาดในผู้หญิง สรุปได้ว่าการสูบบุหรี่ในผู้หญิงเป็นการแสดงสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการปลด ปล่อยตนเองจากอำนาจของเพศชาย และเป็นการแสดงความเท่าเทียมของเพศหญิงต่อเพศชายในมุมมองของผู้หญิงที่สูบ บุหรี่ ดังนั้นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้หญิงหลุดพ้นจากค่านิยมนี้ ควรมีมาตรการที่แยกการสูบบุหรี่ออกจากความก้าวหน้าในการแสดงความเท่าเทียม ทางเพศ นอกจากวิทยากรยังอ้างอิงถึงผลการวิจัยที่ระบุว่าผู้หญิงมีอัตราเสี่ยงต่อ อันตรายจากการสูบบุหรี่มากกว่าเพศชาย เนื่องจากผู้หญิงมีการย่อยสลายสารนิโคตินช้ากว่าเพศชาย มีโอกาสเสพติดสารนิโคตินสูงกว่าเพศชาย มีความไวต่อสารพิษและสารก่อมะเร็งมากกว่าเพศชาย และมีกระบวนการกำจัดสารพิษต่างๆแย่กว่าเพศชาย ผู้หญิงที่สูบบุหรี่นอกจากจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับผู้ชายแล้วการสูบ บุหรี่ยังส่งผลโดยตรงต่อการชราก่อนวัย โดยส่งผลกระทบต่อความชราของเซลล์ผิวหนัง และทำให้มีหนังมีความยืดหยุ่นลดลง ผู้หญิงที่สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกายในระยะตั้งครรภ์ยัง ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และน้ำหนักตัวตัวทารกแรกคลอดด้วย


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              นำไปใช้ประกอบการสอนในวิชาการส่งเสริมสุขภาพ และการให้ความรู้แก่ประชาชนในชุมชน


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
              การเรียนการสอนรายวิชา.การส่งเสริมสุขภาพ

(334)