รายงานผลการตรวจราชการและนิเทศงาน กรณีปกติระดับกระทรวง รอบที่ 1 ปีงบประมาณ 2553

รายงานผลการตรวจราชการและนิเทศงาน กรณีปกติระดับกระทรวง รอบที่ 1 ปีงบประมาณ 2553
 ผู้บันทึก :  นางสาวอมรา ภิญโญ
  กลุ่มงาน :  งานพัฒนานักศึกษาและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
  ฝ่าย :  ฝ่ายกิจการนักศึกษา
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  นิเทศงานราชการสาธารณสุขระดับเขต
  เมื่อวันที่ : 19 พ.ค. 2553   ถึงวันที่  : 21 พ.ค. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สำนักงานสาธารณสุขเขต 6
  จังหวัด :  สุราษฎร์ธานี
  เรื่อง/หลักสูตร :  รายงานผลการตรวจราชการและนิเทศงาน กรณีปกติระดับกระทรวง รอบที่ 1 ปีงบประมาณ 2553
  วันที่บันทึก  29 ก.ย. 2553


 รายละเอียด
               การตรวจราชการและนิเทศงานกรณีปกติ ระดับกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในปีงบประมาณ 2553 ได้กำหนดไว้ 3 ภารกิจ 4 ประเด็นหลัก 13 หัวข้อ 21 ตัวชี้วัด ผลจากการตรวจราชการและนิเทศงาน กรณีปกติ รอบที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2553 เขต 6 พบว่า คณะที่ 1 การติดตามนโยบายและปัญหาเร่งด่วนและการตรวจราชการแบบบูรณาการ การดำเนินงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) พบว่า เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขให้แต่ละพื้นที่ประเมินตนเองตามแนวทางที่กระทรวง กำหนด พบว่าในเชิงปริมาณทุกจังหวัดส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมถึงร้อยละ 60 และเมื่อวิเคราะห์ถึงเชิงคุณภาพ พบว่า ประชาชนสามารถเข้ารับบริการในเชิงรุกด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะใน สถานีอนามัยที่ได้ยกระดับเป็น รพ.สต. ต้นแบบ แต่ก็ยังพบปัญหาการขาดแคลนของบุคลากรอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะสาขาพยาบาลวิชาชีพและพยาบาลเวชปฏิบัติ ที่ยังไม่ครอบคลุมทุก สอ.ที่ยกระดับ เป็น รพ.สต.เป้าหมาย ได้มีข้อเสนอแนะให้ 1. แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนา รพ.สต.แต่ละด้านทั้งระดับจังหวัด และอำเภอ จากทุกภาคีเครือข่าย 2. จัดทำแผนแม่บทที่ครอบคลุม สอดคล้องกับสภาพปัญหา และบริบทของพื้นที่ โดยสร้างความเข้าใจ และถ่ายทอดแผ่นให้ครอบคลุมทุกระดับ พร้อมทั้งควบคุมกำกับให้เป็นไปตามแผน 3. พัฒนาศักยภาพบุคลากรใน รพ.สต. และพัฒนาระบบข้อมูล เทคโนโลยีสารสนเทศ ให้สอดคล้อง เชื่อมโยงกันมากขึ้น และส่งเสริมให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้ให้บริการและผู้เกี่ยวข้องทุก ภาคส่วน คณะที่ 2 การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ และระบบหลักประกันสุขภาพ ในการจัดทำแผนพัฒนาระบบริการสุขภาพ ยังมีการแยกส่วนของแผนคน เงิน และงบลงทุน ทำให้ไม่เห็นเงินในภาพรวมของจังหวัด แต่จะมีแผนที่ชัดเจนให้เห็นบ้างที่ครอบคลุมทั้งระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิในโรงพยาบาลระดับจังหวัดบางจังหวัด สำหรับการพัฒนาระบบส่งต่อ ถึงแม้ในระดับในระดับเขต จะแต่งตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานระบบส่งต่อ แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และความคุ้นเคยของผู้รับบริการและผู้ให้ บริการเดิมทำให้มีปัญหาอุปสรรคในการวางระบบการส่งต่อ รวมถึงการจัดเก็บข้อมูล อย่างเป็นระบบ และบางจังหวัด ยังขาดการรวบรวมข้อมูลจัดบริการขั้นพื้นฐาน และขาดความเข้าใจในการใช้ Case Mix Index ในการประเมินบริการที่เหมาะสมกับสถานบริการได้มีข้อเสนอแนะให้ 1. จังหวัดมีการจัดทำแผนพัฒนาระบบบริการ (Service plan) ที่ครอบคลุมทุกระดับ 2. จัดบริการขั้นพื้นฐาน (Basic service) ในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ถือเป็นบริการที่ต้องดำเนินการ เป็นงานประจำ 3. จัดตั้งหน่วยงานประสานการส่งต่อกลางระดับเครือข่าย เพื่อประสานการส่งต่อระหว่างหน่วยงานและควรมีการประชุมร่วมกันอย่างน้อย 3 เดือน / ครั้งเพื่อติดตาม ประเมินผล รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกันและวางแผนการพัฒนาศักยภาพการบริการใน ระยะยาว คณะที่ 3 การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรคและลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ การขับเคลื่อนและบูรณาการงานป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อในภาพรวมระดับ จังหวัด พบว่าบางจังหวัดยังไม่มีคณะกรรมการดำเนินงานฯ ไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นระบบและขาดการบูรณาการระหว่างกลุ่มงานที่ เกี่ยวข้อง การดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งปากมดลูก ทุกจังหวัดให้ความสำคัญประกาศเป็นนโยบายหลัก ในเชิงปริมาณเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มเป้าหมายในเขตเมืองเข้าถึงบริการของรัฐได้ยากกว่าในเขตชนบท เพราะหน่วยบริการมีไม่ครอบคลุม ต้องรอคิวนาน จึงทำให้กลุ่มนี้ รวมถึงกลุ่มสวัสดิการข้าราชการไปรับการตรวจบริการที่คลินิก หรือโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมโครงการ การเก็บรวบรวมข้อมูลจึงได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน การดูแลสุขภาพในกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นมีปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอายุน้อย กว่า 20 ปี เพิ่มขึ้นทุกจังหวัดในเขต 6 ได้มีข้อเสนอแนะให้มี 1. การเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง โดยมีการจัดทำแผนงาน โครงการ มีระบบการเฝ้าระวังหรือมี ฐานข้อมูลปัจจัยเสี่ยง และกำกับการติดตามประเมินผล 2. แต่งตั้งคณะกรรมการในระดับจังหวัดจากกลุ่มงาน / ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนบูรณาการงาน ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อในภาพรวมระดับจังหวัด 3. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ขอให้ทุกจังหวัดจัดทำระบบฐานข้อมูลประชากร หญิงวัยเจริญ พันธุ์ 30 – 60 ปี เพื่อติดตามการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี Pap smear ให้ครบถ้วนภายใน 5 ปี คณะที่ 4 การบริหารจัดการระบบสุขภาพ มีปัญหาการขาดสภาพคล่องในทุกจังหวัดของบางสถานบริการ ซึ่งทำให้ส่งผลต่อปัญหาการจ้างบุคลากร ในอัตราลูกจ้างชั่วคราว ต้องจ่ายเงินล่าช้า และเชื่อมโยงกับระบบจ่ายค่าตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเงินการคลังของหน่วยบริการ บางหน่วยบริการอาจก่อให้เกิดปัญหาการร้องเรียน และแผนบูรณาการงานส่งเสริมส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเชิงรุกระดับพื้นที่บาง พื้นที่ยังมีปัญหาเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการกองทุนสุขภาพตำบล ได้มีข้อเสนอแนะ คือ 1. ด้านการเงินการคลังขอให้ทุกจังหวัดกระตุ้นให้มี CEO ระดับอำเภอ และประมวลผลข้อมูลทุก 1 เดือน ส่วน CEO ระดับจังหวัดประมวลผลข้อมูล ทุก 3 เดือน และใน CEO ระดับเขต ทุก 6 เดือน 2. จัดทำแผนบูรณาการเชิงรุกระดับจังหวัดและมีการกำหนดมาตรการในการแก้ปัญหาใน แต่ละ โครงการให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถนำไปปฏิบัติในพื้นที่ได้จริง 3. ให้จังหวัดควรกระตุ้นบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ มีการให้ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพและสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่คณะกรรมการกอง ทุนสุขภาพตำบล เพื่อการบริหารจัดการกองทุนฯ ให้สามารถเชื่อมโยง กิจกรรมการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสอดคล้องกับแผนพัฒนา สุขภาพระดับจังหวัด


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              – การนิเทศงานด้านสาธารณสุข


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
              - การนิเทศงานด้านสาธารณสุข

(287)

อบรมบุคลากรใหม่ในสังกัดของสถาบันพระบรมราชชนก

อบรมบุคลากรใหม่ในสังกัดของสถาบันพระบรมราชชนก
 ผู้บันทึก :  นางมัลลิกา บาหราม และคณะ
  กลุ่มงาน :  งานพัฒนาบุคลากร
  ฝ่าย :  ฝ่ายบริหาร
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  อบรม
  เมื่อวันที่ : 11 ก.ค. 2554   ถึงวันที่  : 13 ก.ค. 2554
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สถาบันพระบรมราชชนก
  จังหวัด :  ชลบุรี
  เรื่อง/หลักสูตร :  อบรมบุคลากรใหม่ในสังกัดของสถาบันพระบรมราชชนก
  วันที่บันทึก  18 ส.ค. 2554

 รายละเอียด
นายแพทย์สมควร  หาญพัฒนชัยกูร  ผู้ อำนวยการสถาบันพระบรมราชชนก เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมและได้แนะนำสถาบันพระบรมราชชนก และได้บรรยายพิเศษเรื่อง “ภารกิจและแนวทางในการดำเนินงานของสถาบันพระบรมราชชนก” และแนะนำผู้บริหารสถาบันพระบรมราชชนก   ผู้บริหารที่แต่ละกลุ่มงานได้บรรยายเกี่ยวกับบทบาทภารกิจของแต่ละกลุ่มงานในสถาบันพระบรมราชชนก  หลังจากนั้น มีการนำบุคลากรใหม่ไปเยี่ยมชมสถาบันพระบรมราชชนก ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น ๗ ๘ ๙ ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขสถาบันพระบรมราชชนก เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  เดิม ชื่อ สถาบันพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุข จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยการรวมหน่วยงานด้านการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณ สุขทั้งหมดไว้ด้วยกัน  ประกอบด้วย โรงเรียนต่าง ๆ จาก กองงานวิทยาลัยพยาบาล กองฝึกอบรม สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรคติดต่อ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ วิทยาลัยพยาบาล รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระศรี

นครินทราบรมราชชนนี้ ว่า “วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี”

ปัจจุบัน สถาบันพระบรมราชชนกมีหน่วยงานในสังกัดประกอบด้วย วิทยาลัยพยาบาล ๒๙ แห่ง วิทยาลัยการสาธารณสุข ๗ แห่ง วิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และสาธารณสุขกาญจนาภิเษก ๑ แห่ง วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข ๑ แห่ง วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๑ แห่ง และ

แก้วกัลยาสิกขาลัย ๑ แห่ง

หน้าที่ความรับผิดชอบ

สถาบันพระบรมราชชนกมีภารกิจตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒ ทั้งหมด ๗ ประการ คือ

  1. เสนอความเห็นในการกำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ด้านการผลิตและการพัฒนากำลังคน

ด้านสุขภาพของประเทศ

  1. จัดทำแผนผลิตและพัฒนาบุคคลกรด้านสุขภาพ ให้สองคล้องและตอบสนองนโยบายและความ

ต้องการด้านกำลังคนของกระทรวง

๓. ผลิตและพัฒนาบุคคลากรด้านสุขภาพและประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

๔. พัฒนาระบบข้อมูลและงานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้การพัฒนากำลังคน

๕. พัฒนามาตรฐานการศึกษาและวิชาการด้านการศึกษาและฝึกพัฒนากำลังคน

๖. กำกับและดูแลวิทยาลัยในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนกให้เป็นหน่วยบริการสุขภาพแก่ประชาชน

ทั่วไปและเป็นแหล่งศึกษา ค้นคว้าวิจัย และฝึกภาคปฏิบัติของอาจารย์และนักศึกษา

๗. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย

ในวันที่ ๒ และ ๓ ของการอบรม ได้เดินทางไปเข้าร่วมอบรม ณ โรงแรมเวลคัม จอมเทียน บีช พัทยา     จ.ชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ การสร้างสัมพันธภาพ โดยใช้กระบวนการสื่อสารที่ดี  มีการอบมรมกระบวนการเรียนการสอนแบบบูรณาการ  และ การประสานงานและการทำงานเป็นทีม  ผล จากการอบรมครั้งนี้ ทำให้บุคลากรใหม่ในสังกัดพระบรมราชชนก ได้รู้จักซึ่งกันและกัน และมีการสร้างเครือข่ายกัน เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องการเรียนการสอนในโอกาสต่อไป


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
นำไปใช้ในด้านการปรับทัศนคติและวิชาชีพของกลุ่มบุคลากรที่มาปฏิบัติงานในวิทยาลัยพยาบาลพระบรมราชชนนี ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก

(277)

จิตปัญญาศึกษา

จิตปัญญาศึกษา
 ผู้บันทึก :  นางส่าวจตุพร ตันตะโนกิจ
  กลุ่มงาน :  งานพัฒนานักศึกษาและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
  ฝ่าย :  ฝ่ายกิจการนักศึกษา
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุมเชิงปฎิบัติการ
  เมื่อวันที่ : 21 ก.ค. 2553   ถึงวันที่  : 23 ก.ค. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สถาบันพระบรมราชชนก
  จังหวัด :  นนทบุรี
  เรื่อง/หลักสูตร :  จิตปัญญาศึกษา
  วันที่บันทึก  29 ก.ย. 2553


 รายละเอียด
               จากการเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการจิตปัญญาศึกษา ได้สรุปผลการเรียนรู้จากการเข้าร่วมประชุม ดังนี้ กระบวนการจิตปัญญาศึกษา เป็นกระบวนการในการพัฒนาจิตของตนเอง โดยใช้วิธีการคิดอย่างใคร่ครวญ ฟังอย่างตั้งใจ และห้อยแขวนการตัดสินใจ ทำให้เราได้เข้าใจตนเองมากยิ่งขึ้น และทำให้เข้าใจสังคมและบุคคลอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการศึกษาบุคคลสำคัญที่เป็นต้นแบบ ถ่ายทอดองค์ความรู้และต้องดูแลนักศึกษาในการจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องเข้าใจบริบทสิ่งแวดล้อมของนักศึกษาแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่การสอนและดูแลนักศึกษาได้เข้าถึงปัญหาและบริบทของการเกิดปัญหา มากขึ้น เนื่องจากนักศึกษามีอารมณ์ มีบริบทและมีเงื่อนไขของชีวิตที่แตกต่างกัน และการที่ครูต้องการให้นักศึกษาเกิดคุณลักษณะอะไรหรือต้องการให้นักศึกษา แสดงพฤติกรรมที่อาจารย์คาดหวัง อาจารย์ซึ่งเปรียบเสมือนแม่เป็ดต้องปฏิบัติเป็นแบบอย่างและให้สิ่งนั้นกับ นักศึกษา คือให้ความรัก ความปรารถนาดี คิดบวก อยู่เสมอ ดังนั้นการพัฒนาอาจารย์จึงเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะการพัฒนาตนโดยใช้กระบวน การจิตปัญญา ซึ่งจะทำให้ครูได้พัฒนาตนเองและประยุกต์ใช้ในการดูแลนักศึกษา ซึ่งมีกิจกรรมดังนี้ 1. กิจกรรม Who am I ฉันคือใคร ต้องการอะไร เป้าหมายของเราคืออะไร โดยการมองตัวเองว่าเราความคาดหวังและแรงบันดาลใจ มุมมองต่อโลก นิสัย บุคลิกภาพ และให้เพื่อนมองเรา ซึ่งสะท้อนให้ได้รู้จักตนเองมากขึ้น 2. กิจกรรม Check in โดยการใช้ อานาปานสติ นั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจ ผ่อนคลาย อยู่กับปัจจุบันขณะ ทำให้มีสมาธิกับสิ่งที่จะปฏิบัติและปล่อยวางสิ่งอื่น 3. กิจกรรม Make a difference โดยการฟังบทละคร ครูทอมสันและนักเรียนชื่อ Teddy สะท้อนให้ผู้เข้าอบรมซึ่งเป็นครูได้เข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีบริบทและมี เงื่อนไขของชีวิตที่แตกต่างกัน ฉะนั้นความต้องการของอาจารย์ที่ต้องการให้นักศึกษาเป็นหรือคาดหวังต้องปรับ เปลี่ยนไปตามบริบทของนักศึกษา 4. กิจกรรม การจับคู่ และสลับกันเป็นผู้พึ่งพิง สะท้อนให้เห็นมนุษย์ต้องพึ่งพากัน และแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน ไม่มีใครที่สามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่ต้องการช่วยเหลือหรือปฏิสัมพันธ์กับ ใคร 5. กิจกรรม การต่อของมีค่าของตนเองให้สูงที่สุด โดยมีสมาชิกในกลุ่มละ 5-6 คน และให้มองในมุมมองต่างๆ ทำให้ผู้เข้าอบรมได้สะท้อนว่า ต้องยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น คิดบวก พูดบวก และสะท้อนให้เห็นว่าคนแต่ละคนมีมุมมองของอย่างเดียวกันไม่เหมือนกัน 6. กิจกรรม กวี ตะเกียง ทำให้สะท้อนว่า สิ่งแวดล้อม คน สัตว์ ทุกอย่างมีปฏิสัมพันธ์กัน ทุกคนมีแสงสว่างในตัวเอง ในความไม่เหมือน มีความเหมือน เราสามารถมองและดึงสิ่งดีจากแต่ละบุคคลและอยู่กับสิ่งที่ดีของเขา 7. กิจกรรมจักรวาลแห่งความสัมพันธ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจักรวาลของคนเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัย สถานการณ์ และมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกและลบ สะท้อนการเห็นความสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆในแต่ละช่วงวัย 8. กิจรรมการเลือกดูภาพที่ชอบและสะท้อนความรู้สึกที่ชอบและไม่ชอบของตนเอง 9. กิจกรรมเล่าเรื่องจากวัยเด็กถึงปัจจุบัน ที่ทำให้ตนเองเป็นตนเองในวันนี้ 10. กิจกรรมการดูหนังเรื่อง ครู Gee Erin ในเรื่อง The writing hunter ซึ่งสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างครูอาจารย์ โดยสามารถบูรณาการการจัดการเรียนการสอนให้ตรงกับบริบทของเด็ก ครูมีความคิดเชิงบวกกับนักศึกษาและพร้อมที่จะพัฒนาให้เด็กมีการปรับเปลี่ยน ด้วยใจของครู เข้าใจเด็กและส่งเสริมให้เด็กเห็นศักยภาพของตนเอง เพิ่มคุณค่าใจตนเอง และทำให้มีพลังอำนาจในการพัฒนาตนเอง ให้พื้นที่ปลอดภัยให้เด็กได้กล้าคุย กล้าแสดงออก มองทุกอย่างเป็นองค์รวม ซึ่งกระบวนการในการดำเนินกิจกรรมใช้ กระบวนการจิตปัญญาคือ 1. Deep listening ฟังอย่างตั้งใจให้ได้ยินเสียงสะท้อนจากข้างใน 2. Suspending การห้อยแขวนการตัดสินใจ การตัดสินคำถาม 3. Respectin การเคารพ การยอมรับ 4. Voicing การสะท้อนเสียงที่อยู่ภายใน


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              – งานพัฒนานักศึกษาให้มีจิตปัญญาศึกษา


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
              - งานพัฒนานักศึกษาให้มีจิตปัญญาศึกษา

(374)

ฝึกซ้อมและเข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรและประกาศนียบัตร พยาบาลศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ ๑๘

ฝึกซ้อมและเข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรและประกาศนียบัตร พยาบาลศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ ๑๘
 ผู้บันทึก :  นางสาวอรวรรณ ฤทธิ์มนตรี,นางเกษรา วนโชติตระกูล, นางจิตฤดี รอดการทุกข์, นางสาวจตุพร ตันตะโนกิจ และนางสาวนุชรีย์ เขียดนิล
  กลุ่มงาน :  งานพัฒนานักศึกษาและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
  ฝ่าย :  ฝ่ายกิจการนักศึกษา
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ฝึกซ้อมและเข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร
  เมื่อวันที่ : 2 ก.ย. 2553   ถึงวันที่  : 5 ก.ย. 2553
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สถาบันพระบรมราชชนก
  จังหวัด :  กรุงเทพมหานคร
  เรื่อง/หลักสูตร :  ฝึกซ้อมและเข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรและประกาศนียบัตร พยาบาลศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ ๑๘
  วันที่บันทึก  28 ก.ย. 2553


 รายละเอียด
               -มีการจัดประชุมเตรียมพร้อมความคณะทำงานฝึกซ้อมรับพระราชทานปริญญาบัตรและ ประกาศนียบัตร ตามที่ได้แต่งตั้งข้าราชการของแต่ละวิทยาลัย เพื่อให้การดำเนินการฝึกซ้อมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างามสมพระเกียรติสถาบันพระบรมราชชนก -ดำเนินการฝึกซ้อมบัณฑิตรับพระราชทานปริญญาบัตรและประกาศนียบัตร ซึ่งคณะได้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ดังนี้คือ ฝึกซ้อมผู้กล่าวนำปฏิญาณตนของผู้สำเร็จการศึกษา การถวายความเคารพ ณ จุดบนเวที การเอางาน การถือใบปริญญาบัตร เรียกบัณฑิตเข้าหอประชุม การเดินพานปริญญาบัตร ดูแลการแต่งกาย การทำผมของบัณฑิตให้ถูกต้องเรียบร้อย เป็นที่ปรึกษาของบัณฑิตในด้านต่างๆ -ร่วมเป็นเกียรติให้กับบัณฑิตที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรและประกาศนีย บัตร


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
              – ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมเตรียมพร้อม ฝึกซ้อม และเข้าร่วมในพิธีรับพระราชทาน ปริญญาบัตรและประกาศนียบัตร มีประสบการณ์ในการจัดการฝึกซ้อมบัณฑิตที่จบการศึกษาเพื่อเข้ารับปริญญาบัตรในปีต่อๆ ไป – ทำให้มีความสามารถในการบริหารจัดการงานต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น – ทำให้มีความสามารถในการประสานงานในการจัดงานโครงการและงานพิธีต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกหน่วงงาน


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
               การเตรียมความพร้อม ฝึกซ้อม และเข้าร่วมในพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรและประกาศนียบัตร บัณฑิตที่จบการศึกษาเพื่อเข้ารับปริญญาบัตรในปีต่อๆ ไป

(294)

โครงการเพิ่มสมรรถนะผู้รับผิดชอบงานพัฒนาบุคลากร

โครงการเพิ่มสมรรถนะผู้รับผิดชอบงานพัฒนาบุคลากร
ผู้บันทึก :  นางวันดี แก้วแสงอ่อน
  กลุ่มงาน :  งานพัฒนาบุคลากร
  ฝ่าย :  ฝ่ายบริหาร
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  อบรม
  เมื่อวันที่ : 10 ม.ค. 2554   ถึงวันที่  : 11 ม.ค. 2554
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด : 
  จังหวัด :  นนทบุรี
  เรื่อง/หลักสูตร :  โครงการเพิ่มสมรรถนะผู้รับผิดชอบงานพัฒนาบุคลากร
  วันที่บันทึก  21 เม.ย. 2554

 รายละเอียด
ด้านเนื้อหาสาระตัวอย่างการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรระดับหน่วยงาน ประกอบด้วย

๑.     หลักการและเหตุผล (ความจำเป็น/ความต้องการ/นโยบายที่เกี่ยวข้อง/นโยบายหน่วยงาน)

๒.    วัตถุประสงค์ (ต้องการพัฒนาเพื่ออะไร/แก้ปัญหาในการทำงาน/ผลงานไม่บรรลุเป้า/เพิ่มศักยภาพการทำงานในอนาคต)

๓.    ยุทธศาตร์ของกระทรวงสาธาณสุข (วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์  ยุทธศาตร์ )

๔.    ยุทธศาตร์จังหวัด (วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์  ยุทธศาตร์ )

๕.    ยุทธศาตร์ ของวิทยาลัย (วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์  ยุทธศาตร์ )

๖.    ยุทธศาตร์การพัฒนาบุคลากรของวิทยาลัย (วิสัยทัศน์ด้านพัฒนาบุคลากร พันธกิจ เป้าประสงค์  ยุทธศาตร์ กลยุทธ์ ตัวชี้วัด แผนงานโครงการ และแผนปฏิบัติการ )


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
ด้านการนำผลการพัฒนาไปประยุกต์ใช้กับงาน  พัฒนาบุคลากร

(288)