Palliative care : Concept and implication in nursing กล่าวถึงแนวทางการปฎิบัติงานของสถานบริการสาธารณสุข ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ของสถานบริการสาธารณสุข ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของ ชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมาณจากการเจ็บป่วย โดยทั้งนี้ผู้แสดงความประสงค์จะต้องได้รับการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care) ซึ่ง หมายถึงวิธีการดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายโดยให้การป้องกันและ บรรเทาอาการตลอดจนการบรรเทาความทุกข์ทรมาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยและครอบครัว ด้วยการเข้าไปดูแลปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในระยะแรกๆ ของโรค รวมทั้งทำการประเมินปัญหาสุขภาพทั้งทางด้าน กาย ใจ ปัญญาและสังคม อย่างละเอียดครบถ้วน โดยการดูแล รักษาแบบประคับประคอง ไม่ได้เป็นการเร่งหรือช่วยให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเร็วกว่าการดำเนินโรคเองตาม ธรรมชาติและไม่ใช่การใช้เครื่องมือหรือความรู้ทางการแพทย์เพียงเพื่อยื้อ ความทรมาณของผู้ป่วยโดยไม่เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
หลักการสำคัญ ได้แก่
-การยอมรับ “การเสียชีวิต” ว่าเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของชีวิต
-ให้ความสำคัญกับการดูแลทางด้านจิตใจของผู้ป่วยควบคู่ไปกับการดูแลอาการทางกายเสมอ
-ให้ ความเคารพสิทธิของผู้ป่วยและครอบครัวในการรับทราบข้อมูลการเจ็บป่วย และให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมตัดสินใจเรื่องแนวทางและเป้าหมายของการ ดูแล
-การดูแลควรให้ความสำคัญต่อค่านิยม ความเชื่อ และศาสนาของผู้ป่วยและครอบครัว
-มี ระบบการดูแลที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมาณของผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อ เนื่องจนกระทั่งผู้ป่วยเสียชีวิตตลอดจนให้การดูแลภาวะเศร้าโศกของครอบครัว ภายหลังจากที่ผู้ป่วยได้เสียชีวิตไปแล้ว
-การดูแลควรทำในลักษณะของคณะสหวิชาชีพ เพื่อให้คณะผู้ดูแลสามารถดูแลปัญหาสุขภาพด้านต่างๆ ของผู้ป่วยและครอบครัวได้ดีที่สุด
-สามารถ ทำควบคู่ไปพร้อมๆ กับการรักษาอื่นๆ เช่นการผ่าตัด รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด ตั้งแต่ระยะแรกๆ ของโรคเพื่อลดความทุกข์ทรมาณของผู้ป่วย และทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวเผชิญหน้ากับการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น
การประเมินผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อการดูแลแบบประคับประคอง ตาม “LIFESS” มีดังนี้
- L = “Living Will” หมายถึง การแสดงเจตนาของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายในการดูแลรักษาและวิธีการดูแลหากมีอาการทรุดลง
- I = “Individual belief” หมายถึง ความเชื่อของผู้ป่วยเกี่ยวกับการเจ็บป่วย ความตาย หรือการเสียชีวิต
- F = “Function” หมายถึงระดับความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน หรือดูแลตนเองของผู้ป่วย
- E = “Emotional” หมายถึงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้ป่วยและครอบครัวต่อการเจ็บป่วย รวมทั้งวิธีที่ผู้ป่วยและครอบครัวใช้เผชิญกับความรู้สึกดังกล่าว
- S = “Symptoms” หมายถึงความไม่สุขสบายทางร่างกายและอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจให้วิธีการซักประวัติ ตรวจร่างกาย หรือใช้แบบประเมิน เช่น Edmonton Symptom Assessment System (ESAS)
- S = “Social and support” หมายถึงปัญหาสุขภาพทางด้านสังคมของผู้ป่วยและครอบครัว ตลอดจนที่พึ่งของผู้ป่วยและครอบครัวในเวลาที่มีการเจ็บป่วย
Advance care plan คือ การวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ
๑. Patient preference สิ่งที่คนไข้ต้องการ ให้ความสำคัญ เป้าหมายการดูแลรักษาเมื่อถึงวาระสุดท้ายของตนเอง
๒. Advance decisions คือ การแสดงเจตนาว่าจะรับ/ไม่รับการดูแลรักษา เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเมื่อสูญเสียสติสัมปชัญญะ ไปจนไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตนเองแล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่กฎหมายให้การรับรอง ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของ ชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมาณจากการเจ็บป่วย พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามมาตรา ๑๒ วรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่แพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนปฏิบัติตามว่าคนไข้อยู่ในภาวะ นั้นหรือถึงเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามแล้วหรือยัง
๓. Proxy nomination การเลือกบุคคลใกล้ชิดแสดงเจตนาแทน เมื่อไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
บทบาทหน้าที่และแนวทางการดำเนินงานของผู้แทนสภาการพยาบาลประจำจังหวัด ซึ่งทำหน้าที่ ดังนี้
- การควบคุมและรักษาระดับมาตรฐานคุณภาพการศึกษาพยาบาล
- การควบคุมการประกอบวิชาชีพให้เป็นไปตามมาตรฐานและจริยธรรม
- การ ส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาชีพฯ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การคุ้มครองผู้บริโภคหรือประชาชน ผู้ใช้บริการที่กระทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
สถานการณ์สำคัญในระบบสุขภาพและบทบาทสภาการพยาบาล
๑. การแก้ปัญหาและลดผลกระทบจากการขาดแคลน
- a. เพิ่มการผลิตพยาบาลวิชาชีพ
- b. พัฒนาข้อเสนอเพื่อสร้างแรงจูงใจ เพื่อเพิ่มอัตรากำลังอาจารย์พยาบาล
๒. การธำรงรักษาและลดการสูญเสียกำลังคน
- a. ขอบรรจุพยาบาลวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุขเป็นข้าราชการ
- b. พัฒนาข้อเสนอค่าตอบแทนสำหรับพยาบาล
๓. การสนับสนุนบริการปฐมภูมิ
๔. การสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถและความก้าวหน้าของผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล
๕. การป้องกันความเสี่ยงในการประกอบวิชาชีพ
|