การประชุมวิชาการเรื่อง Palliative care และพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๕๔ รุ่นที่ ๒

การประชุมวิชาการเรื่อง Palliative care และพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๕๔ รุ่นที่ ๒
 ผู้บันทึก :  นางพนิดา รัตนพรหม ดร.จิราพร วัฒนศรีสิน และนางจิราภรณ์ กาญจนะ
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลสูติศาสตร์
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 15 ส.ค. 2554   ถึงวันที่  : 16 ส.ค. 2554
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย สาขาภาคใต้
  จังหวัด :  สงขลา
  เรื่อง/หลักสูตร :  การประชุมวิชาการเรื่อง Palliative care และพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๕๔ รุ่นที่ ๒
  วันที่บันทึก  24 ส.ค. 2554


 รายละเอียด
Palliative care : Concept and implication in nursing กล่าวถึงแนวทางการปฎิบัติงานของสถานบริการสาธารณสุข ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ของสถานบริการสาธารณสุข ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของ ชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมาณจากการเจ็บป่วย  โดยทั้งนี้ผู้แสดงความประสงค์จะต้องได้รับการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care) ซึ่ง หมายถึงวิธีการดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายโดยให้การป้องกันและ บรรเทาอาการตลอดจนการบรรเทาความทุกข์ทรมาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยและครอบครัว ด้วยการเข้าไปดูแลปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในระยะแรกๆ ของโรค รวมทั้งทำการประเมินปัญหาสุขภาพทั้งทางด้าน กาย ใจ ปัญญาและสังคม อย่างละเอียดครบถ้วน  โดยการดูแล รักษาแบบประคับประคอง ไม่ได้เป็นการเร่งหรือช่วยให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเร็วกว่าการดำเนินโรคเองตาม ธรรมชาติและไม่ใช่การใช้เครื่องมือหรือความรู้ทางการแพทย์เพียงเพื่อยื้อ ความทรมาณของผู้ป่วยโดยไม่เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

หลักการสำคัญ ได้แก่

-การยอมรับ “การเสียชีวิต” ว่าเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของชีวิต

-ให้ความสำคัญกับการดูแลทางด้านจิตใจของผู้ป่วยควบคู่ไปกับการดูแลอาการทางกายเสมอ

-ให้ ความเคารพสิทธิของผู้ป่วยและครอบครัวในการรับทราบข้อมูลการเจ็บป่วย และให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมตัดสินใจเรื่องแนวทางและเป้าหมายของการ ดูแล

-การดูแลควรให้ความสำคัญต่อค่านิยม ความเชื่อ และศาสนาของผู้ป่วยและครอบครัว

-มี ระบบการดูแลที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมาณของผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อ เนื่องจนกระทั่งผู้ป่วยเสียชีวิตตลอดจนให้การดูแลภาวะเศร้าโศกของครอบครัว ภายหลังจากที่ผู้ป่วยได้เสียชีวิตไปแล้ว

-การดูแลควรทำในลักษณะของคณะสหวิชาชีพ เพื่อให้คณะผู้ดูแลสามารถดูแลปัญหาสุขภาพด้านต่างๆ ของผู้ป่วยและครอบครัวได้ดีที่สุด

-สามารถ ทำควบคู่ไปพร้อมๆ กับการรักษาอื่นๆ เช่นการผ่าตัด รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด ตั้งแต่ระยะแรกๆ ของโรคเพื่อลดความทุกข์ทรมาณของผู้ป่วย และทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวเผชิญหน้ากับการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น

การประเมินผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อการดูแลแบบประคับประคอง ตาม “LIFESS” มีดังนี้

-          L = “Living Will” หมายถึง การแสดงเจตนาของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายในการดูแลรักษาและวิธีการดูแลหากมีอาการทรุดลง

-          I = “Individual belief” หมายถึง ความเชื่อของผู้ป่วยเกี่ยวกับการเจ็บป่วย ความตาย หรือการเสียชีวิต

-          F = “Function” หมายถึงระดับความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน หรือดูแลตนเองของผู้ป่วย

-       E = “Emotional” หมายถึงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้ป่วยและครอบครัวต่อการเจ็บป่วย รวมทั้งวิธีที่ผู้ป่วยและครอบครัวใช้เผชิญกับความรู้สึกดังกล่าว

-       S = “Symptoms” หมายถึงความไม่สุขสบายทางร่างกายและอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น  อาจให้วิธีการซักประวัติ ตรวจร่างกาย หรือใช้แบบประเมิน เช่น Edmonton Symptom Assessment System (ESAS)

-       S = “Social and support” หมายถึงปัญหาสุขภาพทางด้านสังคมของผู้ป่วยและครอบครัว ตลอดจนที่พึ่งของผู้ป่วยและครอบครัวในเวลาที่มีการเจ็บป่วย

Advance care plan  คือ การวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ

๑.       Patient preference สิ่งที่คนไข้ต้องการ ให้ความสำคัญ เป้าหมายการดูแลรักษาเมื่อถึงวาระสุดท้ายของตนเอง

๒.   Advance decisions คือ การแสดงเจตนาว่าจะรับ/ไม่รับการดูแลรักษา เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเมื่อสูญเสียสติสัมปชัญญะ ไปจนไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตนเองแล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่กฎหมายให้การรับรอง ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของ ชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมาณจากการเจ็บป่วย พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามมาตรา ๑๒ วรรค ๒ แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่แพทย์จะต้องวินิจฉัยก่อนปฏิบัติตามว่าคนไข้อยู่ในภาวะ นั้นหรือถึงเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามแล้วหรือยัง

๓.     Proxy nomination การเลือกบุคคลใกล้ชิดแสดงเจตนาแทน เมื่อไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง 

 

บทบาทหน้าที่และแนวทางการดำเนินงานของผู้แทนสภาการพยาบาลประจำจังหวัด  ซึ่งทำหน้าที่ ดังนี้

-          การควบคุมและรักษาระดับมาตรฐานคุณภาพการศึกษาพยาบาล

-          การควบคุมการประกอบวิชาชีพให้เป็นไปตามมาตรฐานและจริยธรรม

-       การ ส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาชีพฯ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การคุ้มครองผู้บริโภคหรือประชาชน ผู้ใช้บริการที่กระทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์

สถานการณ์สำคัญในระบบสุขภาพและบทบาทสภาการพยาบาล

๑.       การแก้ปัญหาและลดผลกระทบจากการขาดแคลน

  1. a.        เพิ่มการผลิตพยาบาลวิชาชีพ
  2. b.       พัฒนาข้อเสนอเพื่อสร้างแรงจูงใจ เพื่อเพิ่มอัตรากำลังอาจารย์พยาบาล

๒.     การธำรงรักษาและลดการสูญเสียกำลังคน

  1. a.        ขอบรรจุพยาบาลวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุขเป็นข้าราชการ
  2. b.       พัฒนาข้อเสนอค่าตอบแทนสำหรับพยาบาล

๓.     การสนับสนุนบริการปฐมภูมิ

๔.     การสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถและความก้าวหน้าของผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล

๕.     การป้องกันความเสี่ยงในการประกอบวิชาชีพ

 

 

 


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
-ใช้การให้ความรู้แก่นักศึกษาพยาบาล และการดูแลผู้ป่วยในคลินิก

-ใช้ในการปฏิบัติงานพยาบาลให้สอดคล้องกับนโยบาย และเข้าใจบทบาทหน้าที่ที่สภาการพยาบาลให้การควบคุมดูแล


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
 

(1476)

Comments are closed.