การพัฒนาศักยภาพอาจารย์ที่รับผิดชอบในด้านการประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบของกระบวนการ OSCE

การพัฒนาศักยภาพอาจารย์ที่รับผิดชอบในด้านการประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบของกระบวนการ OSCE
ผู้บันทึก :  นางพนิดา รัตนพรหม
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลสูติศาสตร์
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 19 ก.ค. 2554   ถึงวันที่  : 21 ก.ค. 2554
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  สถาบันพระบรมราชชนก
  จังหวัด :  กรุงเทพมหานคร
  เรื่อง/หลักสูตร :  การพัฒนาศักยภาพอาจารย์ที่รับผิดชอบในด้านการประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบของกระบวนการ OSCE
  วันที่บันทึก  18 ส.ค. 2554


 รายละเอียด
แบบทดสอบ OSCE มาจากคำว่า Objective Structured Clinical Examinations เป็น การทดสอบทักษะทางคลินิก นิยมใช้ทดสอบกับนักศึกษาแพทย์ ซึ่งสถาบันพระบรมราชชนก นำโคยงานพัฒนาบุคลากรจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ใช้ในการทดสอบหลังสิ้นสุดการจัดอบรมหลักสูตรเฉพาะทางการพยาบาลสาขาการพยาบาล เวชปฏิบัติทั่วไป   ซึ่ง ในการจัดทำชุดทดสอบได้แบ่งหน้าที่ให้ผู้รับผิดชอบจัดโครงการเวชปฏิบัติฯ ของวิทยาลัยพยาบาลฯ ทุกแห่งนำไปออกแบบและนำเข้าที่ประชุมเพื่อร่วมกันวิพากษ์ โจทย์สถานการณ์ทั้ง ๖ สถานี ซึ่งประกอบด้วย ๑. การซักประวัติ ๒.การตรวจร่างกาย ๓. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจพิเศษ และการแปลผล ๔.การวินิจฉัยแยกโรค ๕. การรักษาเบื้องต้น ๖. การให้คำแนะนำ 

- ในการออบแบบโจทย์แต่ละสถานี ผู้ ออกข้อสอบจะต้องจัดทำแบบประเมิน และกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน ครอบคลุมคำตอบ โดยเน้นความเที่ยงตรงทั้งเชิงเนื้อหา และโครงสร้าง  โดยเฉพาะสถานีซักประวัติ และตรวจร่างกาย ซึ่งมักจะมีคำตอบที่หลากหลาย ผู้สอบอาจคิดถึงเรื่อง  ที่ผู้ออกข้อสอบคาดไม่ถึง ดังนั้นจึงต้องวางโครงสร้างคำตอบที่เป็นไปได้ และกำหนดคะแนนอย่างเหมาะสม  

- การจัดสอบ ผู้เข้าสอบจะเข้าสอบตามลำดับสถานี โดยมีอาจารย์คุมสอบ สถานีละ ๑ คน มีผู้แสดงเป็นผู้ป่วย ซึ่งอาจใช้ผู้ป่วยจริง หรือ อาจารย์แสดงเป็นผู้ป่วยเอง  ทั้งนี้หลังการสอบแต่ละสถานี นอกจากอาจารย์ให้คะแนนแล้ว ผู้ป่วยควรให้คะแนนผู้สอบด้วยเพื่อป้องกันความลำเอียงของการให้คะแนน


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
- การจัดสอบ OSCE ต้องมีความพร้อมทุก ๆ ด้าน ดังนี้

๑) ชุดโจทย์สถานการณ์   และเครื่องมือวัดประเมินผล ต้องมีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลาและประสบการณ์ของผู้ออกแบบทดสอบอย่างมาก

๒) การจัดให้เข้าสอบจัดได้ฐานละ ๑ คน แต่ละคนต้องสอบทั้ง ๖ สถานี สถานีละประมาณ ๑๐ ๑๕ นาที รวมเวลาประมาณ ๑ ๑.๓๐ ชั่วโมง  ต้องใช้อาจารย์คุมสอบฐานละประมาณ ๓ คนเป็นอย่างน้อย หากมีผู้สอบ ๕๐ คน คาดว่าต้องใช้เวลา มากกว่า ๑ สัปดาห์  ตลอดจนมีความยุ่งยากมากหากต้องให้ผู้สอบเข้าสอบมากกว่า ๑ ฐาน เพื่อให้เกิดการวัดองค์ความรู้จากระบบต่างๆ อย่างทั่วถึง

                สรุป ข้อสอบ OSCE มีข้อดีที่สามารถวัดการประยุกต์ความรู้สู่การปฏิบัติ ได้อย่างมาก ครอบคลุมทักษะการตรวจ วินิจฉัยโรค  และการรักษาโรค  ซึ่ง หากนำมาประยุกต์ใช้กับหลักสูตรอบรมการพยาบาลเวชปฏิบัติ หรือทดสอบในรายวิชาการรักษาโรคเบื้องต้น สำหรับนักศึกษาพยาบาล จะช่วยให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ และทักษะทางคลินิกที่ดี    แต่ต้องอาศัยการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านดังที่กล่าว ซึ่งคาดว่าอาจไม่คุ้มกับผลลัพธ์ที่ต้องการ


  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?
การพัฒนาความสามารถด้านการวัดและการประเมินผลการเรียนการสอน

 

(521)

Comments are closed.