Nursing @ McMaster

Nursing @ McMaster

แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้

สรุปสาระการเรียนรู้

วันที่ 4 มิถุนายน 2557

Nursing @ McMaster

โดย Dr. Mary Guise

Prof.OlaLunyk-Child

College of Nursing @ McMaster University

รายละเอียดของการรับสมัคร

  • หลักสูตรพื้นฐาน  รับสมัครจาก
    • จบ High school
    • จบจากมหาวิทยาลัยหรือเรียนบางหน่วยมาก่อน
    • ผู้ที่มีคุณวุฒิอื่น ๆ
    • Ø หลักสูตรปกติที่เป็นความร่วมมือ
    • Ø หลักสูตรเร่งด่วน
    • Ø หลักสูตรหลังประกาศนียบัตรพยาบาล
    • Ø หลักสูตรหลังประกาศนียบัตรพยาบาลเวชปฏิบัติ
    • Ø หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำทางการพยาบาล/บริหารการพยาบาล

 

หลักสูตรพื้นฐาน (Basic Stream)

คุณสมบัติของผู้สมัครหลักสูตรพื้นฐาน (Basic Stream)

¨   ผู้ที่จบ High School  จากจำนวนผู้สมัคร 1490 คน สามารถรับได้ 120 คน เลือกจากคุณสมบัติที่ต้องผ่านรายวิชา ดังนี้

  • English
  • Biology
  • Chemistry
  • Mathematics
  • Elective จำนวน 2course
  • คะแนนร้อยละ 90  หรือมากกว่า
  • ไม่รับหากคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 87

จบจากมหาวิทยาลัยหรือเรียนบางหน่วยมาก่อนจากจำนวนผู้สมัคร 355คนรับได้ 20 คนเลือกจากคุณสมบัติดังนี้

  • Course work 12  หน่วยเป็นอย่างต่ำ
  • คะแนนสะสมเฉลี่ยอย่างน้อยร้อยละ 70-72
  • ประเมิน supplement application

¨    ผู้มีคุณวุฒิอื่น ๆ  ซึ่งเป็นหลักสูตร pre health science  เลือกจากคุณสมบัติ ดังนี้

  • เรียนสาขาอื่นที่สามารถประยุกต์ได้
  • ประเมิน supplement application
  • คะแนนร้อยละ 90  หรือมากกว่า(เช่นเดียวกับ high school)

แบบสอบถามเพิ่มเติมสำหรับผู้สมัคร (supplement questionnaire)มีรายละเอียดคำถาม ดังนี้

1. ทำไมถึงสนใจเรียนด้านการพยาบาล ?

2. คุณลักษณะอะไรที่คุณจะนำไปสู่การเป็นพยาบาลวิชาชีพ ?

3. คุณมีกลยุทธ์การเรียนอย่างไรที่เหมาะสมกับการศึกษาการพยาบาล ณ McMaster University ?

4.ประสบการณ์อะไร,ถ้ามี,เพื่อเตรียมคุณในการทำงานกับประชาชนจำนวนมาก ?

หลักสูตรพื้นฐาน  ประกอบด้วย 4 ชั้นปี 122 หน่วย จำแนกดังนี้

ชั้นปีที่ 1 จำนวน 30 หน่วย ( ตัดเกรด 28 หน่วย, 2 หน่วยไม่ตัดเกรดแต่ให้ผ่านหรือตก)

  • Health sciences  9  หน่วย
  •           Nursing            12  หน่วย
  • Psychology     6หน่วย
  • Electives          3  หน่วย

ชั้นปีที่ 2 จำนวน 31 หน่วย ( ตัดเกรด 23 หน่วย, 8 หน่วยไม่ตัดเกรดแต่ให้ผ่านหรือตก)

  • Health sciences  12  หน่วย
  •           Nursing            16  หน่วย
  • Electives          3  หน่วย

ชั้นปีที่ 3 จำนวน 31 หน่วย ( ตัดเกรด 20 หน่วย, 12 หน่วยไม่ตัดเกรดแต่ให้ผ่านหรือตก)

  • Health sciences  3หน่วย บวก 3 ถ้าลงเรียนวิจัยด้วย
    •           Nursing            19  หน่วย
    • Electives          6  หน่วย บวก 3 ถ้าไม่ลงเรียนวิจัย

ชั้นปีที่ 4 จำนวน 30 หน่วย ( ตัดเกรด 13 หน่วย, 17 หน่วยไม่ตัดเกรดแต่ให้ผ่านหรือตก)

  • Health sciences  3หน่วย
  • Nursing            24  หน่วย
  • Electives          6  หน่วย

 

หลักสูตรหลังประกาศนียบัตรพยาบาลผู้ช่วย

 

      ผู้สมัครเป็นพยาบาลผู้ช่วย จากจำนวน 100 คนรับได้ 12 คน เลือกจากคุณสมบัติ ดังนี้

¨    ได้รับประกาศนียบัตรด้านการพยาบาลผู้ช่วยของ Ontario

¨    มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 75 หรือมากกว่า

¨    คงลงทะเบียนเรียนใน college of nursing of Ontario

¨    ส่ง transcripts ไปสำนักทะเบียน

¨    กรอกคุณสมบัติเพิ่มเติมของผู้สมัคร

หลักสูตรหลังประกาศนียบัตรพยาบาลเวชปฏิบัติประกอบด้วย

  • Advanced credit  30 หน่วย (9 หน่วย ≥ชั้นปีที่ 2)
  • ชั้นปีที่ 2  : 34 หน่วย
  • ชั้นปีที่ 3  : 30 หน่วย
  • ชั้นปีที่ 4  : 30 หน่วย

จำนวนหน่วยกิตทั้งหมด คือ 124-30 = 96

ระยะเวลา     3 ปี สำหรับการเรียนเต็มเวลา

6 ปี หากเรียนพยาบาลมาในชั้นปีที่ 1

7 ปี หากเรียนวิทยาศาสตร์ในชั้นปีที่ 1

หลักสูตรเร่งรัด

 

      ผู้สมัครต้องมีภูมิหลังด้านวิทยาศาสตร์   จากจำนวน  450 คนรับได้  42 คน(66คนในปี คศ. 2014)  เลือกจากคุณสมบัติ ดังนี้

¨    มีคะแนนเฉลี่ยสะสมระดับ B -หรือมากกว่า

¨    เรียน psychology         6 หน่วย

¨    เรียน human anatomy & physiology (lab) 6 หน่วย

¨    เรียน biochemistry       6 หน่วย

¨    เรียน statistics             3 หน่วย

¨    กรอกคุณสมบัติเพิ่มเติมของผู้สมัครครบถ้วน

หลักสูตรเร่งรัดประกอบด้วย

  • Advanced credit  54 หน่วย
  • ชั้นปีที่ 3  : 45 หน่วย
  • ชั้นปีที่ 4  : 27 หน่วย

จำนวนหน่วยกิตทั้งหมด คือ 126-54 = 72

ระยะเวลา     5 เทอมหรือ 20 เดือน

Academic Regulations

โดย Dr. Mary Guise

Prof.OlaLunyk-Child

College of Nursing @ McMaster University

การวัดผลการศึกษา

McMaster จะมีOMBUDS เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือให้นักศึกษาเรียนจนกระทั่งสำเร็จการศึกษา โดยหน่วยงานนี้จะมีเครื่องมือในการช่วยเหลือนักศึกษาหลายประเภท ได้แก่ การจัดทำคู่มือการศึกษา (Undergraduate Calendar) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ ซึ่งนักศึกษาต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางที่มหาวิทยาลัยกำหนด และต้องรับผิดชอบในการติดต่อสื่อสารกับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยจะติดต่อสื่อสารกับนักศึกษาผ่านทางอีเมลล์ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น

ระเบียบการวัดผลการศึกษาหลักสูตรปริญญาตรีทางการพยาบาล (BScN Program Regulations)

ระบบการให้คะแนน (Grading System)

ใช้ระบบตัวอักษร (Letter grade) มีระดับเกรดทั้งสิ้น 12 ระดับ คือ A+,A,A-,B+,B,B-,C+,C,C-,D+,D,Dโดย D- จะมีค่าเท่ากับ 1 และ A+ มีค่าเท่ากับ 12 และการให้ค่าระดับเกรดจะใช้เทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด เช่น การให้ค่าระดับเกรด D- ต้องได้คะแนนอยู่ระหว่าง 50 – 52 % เกรด A+ต้องได้คะแนนอยู่ระหว่าง 90 – 100 %

การสำเร็จการศึกษาพิจารณาจากผลการเรียนของนักศึกษาดังต่อไปนี้

  • ได้รับการพิจารณาให้เลื่อนไปเรียนในชั้นที่สูงขึ้นเมื่อผลการเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสะสมอย่างต่ำที่ระดับ5จาก 12 ระดับ
  • ต้องมีผลการเรียนอย่างน้อยที่ระดับ C ในรายวิชาการพยาบาล(Nursing)และวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ(Health Science)ทุกรายวิชา
  • ต้องฝึกภาคปฏิบัติผ่านทุกคอร์ส
  • ต้องผลการเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสะสมอย่างต่ำที่ระดับ 5 จาก 12 ระดับ

สำหรับหลักสูตรพื้นฐาน (Basic Stream) ผลการเรียนของนักศึกษาในชั้นปีที่ 1(Level 1) ต้องไม่ได้ค่าระดับเกรด D-,D และ D+ในวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science)มากกว่า 6 หน่วยหรือต้องไม่ได้ค่าระดับเกรด D มากกว่า 1 คอร์สในระดับชั้นอื่นๆ

และสำหรับหลักสูตร POST-RPN ผลการเรียนของนักศึกษาต้องไม่ได้ค่าระดับเกรด D-,D และ D+ในวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) มากกว่า 1 ระดับชั้น หรือหรือต้องไม่ได้ค่าระดับเกรด D ในชั้นปีที่ 1(Level 1) สูงสุด 11 หน่วย มากกว่า 1 คอร์ส

นักศึกษาจะเรียนซ้ำได้เพียง 1 ครั้ง และอนุญาตให้เรียนซ้ำในวิชาการฝึกภาคปฏิบัติ 1 วิชาและวิชาที่เป็นทฤษฎี หรือวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science) 1 วิชา

ถ้าผลการเรียนมีคะแนนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 4.5 – 4.9 สามารถทำเงื่อนไขได้ แต่ถ้าผลการเรียนไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด หรือเรียนซ้ำแล้วไม่ผ่านจะไม่สามารถเรียนต่อไป (discontinued) ได้

การทำเงื่อนไข (Program Probation)

หมายถึงการให้นักศึกษาที่มีผลการเรียนต่ำ ปรับระดับขั้นผลการเรียนของตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งนักศึกษาจะได้รับอนุญาตให้ทำได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

 

กรณีที่ผลการเรียนไม่ผ่าน

  • · กลับไปเริ่มต้นหลักสูตร BScNใหม่
  • · เปลี่ยนไปเรียนในหลักสุตรอื่น
  • · ลาออก

การเรียนเพื่อปรับระดับขั้น(Reviewing Period)

ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ และสามารถเรียนเพื่อปรับระดับขั้นได้ในเดือนพฤษภาคม และเดือนสิงหาคม แต่ถ้าเป็นหลักสูตรพยาบาลสามารถเรียนเพื่อปรับระดับขั้นได้ในเดือนธันวาคม

แนวทางการช่วยเหลือกรณีที่มีการเรียนเพื่อปรับระดับขั้น(Reviewing Period)    

  • · จัดให้มีการเรียนเพื่อปรับระดับขั้นเมื่อจบภาคการศึกษาของแต่ละภาคการศึกษา
  • · ให้คำแนะนำช่วยเหลือแก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนต่ำ
  • · รวบรวมข้อมูลของนักศึกษา จัดแผนการเรียนรู้
  • · ทบทวนผลการเรียนของนักศึกษาจากรายงานผลการเรียนของนักศึกษา
  • · พิจารณารายวิชาที่นักศึกษาเรียน
  • · ทำคำร้องขอปรับระดับขั้นผลการเรียน

 

 

 

 

  (374)

Update Management in NCD

Update Management in NCD

 

แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้

สาระการเรียนรู้การประชุมวิชาการ เรื่อง Update Management in NCD

วันที่บันทึก ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ผู้บันทึก นางพิมพวรรณ เรืองพุทธ

วันที่จัด  วันที่ ๙-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗

สถาบันที่จัด วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา

สถานที่จัด โรงแรมลีการ์เด้น พล่าซ่า อ.หาดใหญ่ จ. สงขลา

๑. การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณหน้าในผู้ป่วยที่มีปัญหา sleep disorder

 

 

 

ภาวะนอนกรนมี๒แบบคือ

๑.    นอนกรนแบบธรรมดาไม่อันตรายรุนแรง แต่อาจทำให้เกิดปัญหากับผู้คนรอบข้าง

๒.  นอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ มีอันตรายรุนแรงเพราะขณะนอนหลับจะมีภาวะออกซิเจนในเลือดลดต่ำลง ซึ่งถ้าเกิดขึ้นบ่อยจะมีความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือด เส้นเลือดอุดตัน และยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับรถยนต์หรือเกิดอุบัติเหตุขณะทำงานกับเครื่องจักร

สาเหตุของโรคนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับ เกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบน หรืออาจเกิดจากความอ้วน ทำให้ผนังในช่องคอค่อนข้างตีบแคบ มีคางสั้น ทำให้ลิ้นตกไปปิดทางเดินหายใจขณะหลับ ลิ้นไก่ยาวหรือเพดานอ่อนย้วยก็ทำให้อุดกั้นทางเดินหายใจได้ หรือในเด็กที่มีต่อมทอนซิลโตและต่อมอะดีนอยด์โตก็ทำให้เกิดการนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับ

อาการของโรคนอนกรน ตื่นนอนแล้วรู้สึกมึนศีรษะเพราะนอนไม่พอ แม้จะนอน 6-8 ชั่วโมงก็ยังรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม ง่วงตอนกลางวัน เผลอหลับบ่อย อาจมีอาการแสบคอและคอแห้ง เพราะการนอนกรนส่งผลให้ช่องคอและโพรงจมูกแห้ง ส่วนเด็กที่เป็นโรคนอนกรนจะขาดสมาธิในการเรียน ปัสสาวะรดที่นอน หงุดหงิดง่าย

“การรักษาโรคนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นที่ได้ผลดีคือ การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก แต่ต้องใช้สม่ำเสมอในขณะที่การผ่าตัดได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีกายวิภาคที่ผิดปกติชัดเจน

 

๒. โภชนาการในผู้ป่วยเบาหวาน เน้นผักพื้นบ้าน ลดเกลือ ลดแป้ง ลดหวาน

ประเทศไทยมีความหลากหลายทางพันธุ์พืชสูงมาก คนไทยในอดีตจึงรู้จักใช้ประโยชน์จากพืชพันธุ์ที่มีอยู่ทั่วไปรอบถิ่นที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะการนำมาใช้กินเป็นผักและเป็นยารักษาโรค ความรู้เรื่องการลองผิดลองถูกได้สะสมและถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง รุ่นแล้วรุ่นเล่า กลายเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น พืชผักที่นำมากินจึงนิยมเรียกว่า “ผักพื้นบ้านไทย” ซึ่งมีมากมายหลายชนิด มีลักษณะแตกต่างกันไปตามสภาพท้องถิ่น สำหรับผักพื้นบ้านไทยภาคใต้ที่นิยมนำมากินเป็นผักเหนาะหรือนำมาประกอบอาหาร เช่น ผักกูดเขียว ผักกูดแดง (ภาคใต้เรียกว่ายอดลำเพ็ง หรือลำเท็ง) ยอดแมะ หยวกกล้วย ผักเหลียง ผักหนาม ผักหวาน ช้าพลู ขี้เหล็ก สะตอ ลูกเหนียง เป็นต้น

อาหารผักพื้นบ้านภาคใต้ที่คนไทยภาคใต้ทำกินในชีวิตประจำวันมาช้านานแล้ว ได้แก่ การนำหยวกกล้วย ยอดแมะ ผักหวาน ผักเหลียง ยอดลำเพ็ง ผักกูดเขียว และผักอื่น ๆ มาเป็นส่วนผสมหลัก เครื่องปรุงก็มี กะปิ เกลือ น้ำตาล ซึ่งเป็นเครื่องปรุงที่มีประจำครัวอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้สารแต่งรสอื่นแต่อย่างใด อาหารที่ปรุงมีดังต่อไปนี้

- อาหารที่มีหยวกหรือหยวกกล้วยเถื่อนเป็นส่วนผสมหลัก คือ แกงเลียงหยวก แกงส้มหยวก แกงเลียงกะทิหยวก หยวกกล้วยกะทิ และแกงเทโพหยวก เป็นต้น

- อาหารที่มียอดแมะเป็นส่วนผสมหลัก คือ แกงเลียงยอดแมะ แกงเลียงกะทิยอดแมะ และผัดยอดแมะ เป็นต้น

- อาหารที่มีผักหวานเป็นส่วนผสมหลัก คือ ผัดผักหวาน แกงเลียงผักหวาน และแกงจืดผักหวาน เป็นต้น

- อาหารที่มีผักกูดเขียวเป็นส่วนผสมหลัก คือ แกงเลียงกะทิผักกูด แกงส้มผักกูด ผัดผักกูด และผักกูดลวกราดกะทิ เป็นต้น

- อาหารที่มีผักกูดแดงหรือยอดลำเพ็งเป็นส่วนผสมหลัก คือ แกงเลียงยอดลำเพ็ง และแกงส้มยอดลำเพ็ง เป็นต้น

- อาหารที่มียอดเหลียงเป็นส่วนผสมหลัก คือ แกงเลียงยอดเหลียง ผัดยอดเหลียง ยอดเหลียงลวก และแกงเลียงกะทิยอดเหลียง เป็นต้น

 

ผักพื้นบ้านรักษาโรค

ผักพื้นบ้านมีคุณสมบัติหลายประการที่เหมาะทั้งการป้องกัน ทั้งช่วยรักษาโรคความเสื่อมของร่างกายทั้งกลุ่มนี้ได้ ทั้งนี้เพราะคุณสมบัติอันโดดเด่นของผักพื้นบ้าน ดังนี้คืออุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

เป็นแหล่งของสารผัก (phytonutrient) และสารสมุนไพรรักษาโรคและเป็นแหล่งของเส้นใย

สารต้านอนุมูลอิสระในผักพื้นบ้าน สีที่เขียวและรสที่ฝาดของผักพื้นบ้านจะมีสารต้านอนุมูล

อิสระสูงมาก มีทั้งวิตามินเอ วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ได้แก่ ใบยอ  ใบย่านาง  ใบชะพลู  ยอดและใบตำลึงผักกูด  ผักแพว  ผักชีลาว  ผักแว่น  ใบบัวบก  ใบเหมียง  ใบกระเจี๊ยบ  ใบแมงลัก  แครอท  ดอกขี้เหล็กใบเหมียง  ผักหวาน  ผักเซียงดา ผักติ้ว  ยอดแค  ใบกระเพรา  ใบขี้เหล็ก  ผักกะเฉด  นอกจากนี้ยังมีผักอื่น ๆ ที่มีวิตามินเอ ได้แก่  ผักปลัง ผักหวาน ดอกขี้เหล็ก ยอดกระถิน ใบชะมวง ผักหนาม ผักเฮือด ผักชีฝรั่ง เป็นต้น การรักษาโรคไขมันเลือดสูง ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง การกินผักพื้นบ้านที่อุดมด้วยสารเหล่านี้ จึงช่วยรักษาโรคกลุ่มนี้ได้โดยรวม

 

สารผักและสารสมุนไพรในผักพื้นบ้าน

ปัจจุบันโลกกำลังก้าวสู่ยุคอาหารจรรโลงสุขภาพ (Functional Food) จุดหัวเลี้ยวของยุคนี้คือการที่วงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ค้นพบสารกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า สารผัก (Phytonutrient) เป็นสารที่ไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่แบบอาหาร 5 หมู่ แต่เข้าไปทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวเก่งบ้าง เป็นสารกระตุ้นภูมิต้านทานบ้าง เป็นสารป้องกันไม่ให้เซลล์กลายพันธุ์เป็นมะเร็งบ้าง เป็นสารที่เข้าไปสื่อความหมายกับเซลล์ร่างกายให้ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น ฮอร์โมน หรือเอนไซม์ เป็นต้น สารต่าง ๆ เหล่านี้มีนับได้เป็นพัน ๆ ชนิด เช่น คาโรทีนอยด์ฟลาโวนอยด์ โปรแอนโทรไซยานิดิน คาเตซินเทอร์ปีน ฯลฯ

 

๓. สมาธิบำบัดแบบSKT

สมาธิบำบัดแบบ SKT  คิดค้นโดย รศ. ดร. สมพร กันทรดุษฎี-เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งผ่านการศึกษาวิจัยและทดลอง เกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกายด้วยประสาทสัมผัส ทั้ง 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส และการเคลื่อนไหว ตามหลักวิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับหลักพุทธศาสนาในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา โดยเฉพาะการทำสมาธิด้วยการหายใจเข้า “พุทธ” หายใจออก “โธ” นั้น สามารถช่วยในด้านของจิตใจให้คลายเครียด และมีความสุขได้อย่างดี    ด้วยกลไกการทำงานของร่างกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กันโดยระบบประสาท!จึงเป็นที่มาของการเกิด “โรค”หลาย ๆ ชนิด เห็นได้จาก ถ้าเราอารมณ์แจ่มใส หรือมีความสุข ก็จะทำให้ร่างกายผ่อนคลายระบบการไหลเวียนของโลหิตทำงานดีก็จะทำให้สมองและความจำมีประสิทธิภาพในทางตรงข้ามถ้าอารมณ์เราขุ่นมัว กระวนกระวายใจ ฉุนเฉียว ก็จะทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนแอเจ็บป่วยได้ง่าย และอาการเหล่านี้เป็นที่มาของโรคความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะไมเกรน โรคกระเพาะอาหาร ท้องผูก โรคระบบประสาท ซึมเศร้า ความจำเสื่อม รวมทั้ง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เป็นต้น
สรุปได้ว่า การฝึก “สมาธิบำบัดแบบSKT” ก็คือหลักการกำหนดจิต รับรู้ และการเคลื่อนไหว ด้วยลมหายใจ เข้าและออก เป็นตัวขับเคลื่อนนั่นคือ กาย และใจ ประสานเป็นหนึ่งเดียว (414)

ผลของโปรแกรมการเตรียมตัวเพื่อการคลอดแก่หญิงตั้งครรภ์มุสลิม

ผลของโปรแกรมการเตรียมตัวเพื่อการคลอดแก่หญิงตั้งครรภ์มุสลิม

แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้ 

วันที่บันทึก :  28  พฤษภาคม 2557

ผู้บันทึก : นางสาวจตุพร  ตันตะโนกิจ และ  นางสาวอุทุมพร  ดุลยเกษม

กลุ่มงาน : กลุ่มวิชาการพยาบาลสูติศาสตร์

ฝ่าย :  กิจการนักศึกษา

ประเภทการปฏิบัติงาน: นำเสนอผลงานวิจัย

วันที่   22 พฤษภาคม 2557  ถึงวันที่   24  พฤษภาคม 2557

หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

สถานที่จัด :  ณ โรงแรมภูเก็ต เกรชแลนด์ รีสอร์ท  จังหวัดภูเก็ต

เรื่อง :  การนำเสนอผลงานวิจัยระดับนานาชาติ

รายละเอียด

ชื่องานวิจัย: ผลของโปรแกรมการเตรียมตัวเพื่อการคลอดแก่หญิงตั้งครรภ์มุสลิม

องค์ความรู้ที่ได้

ด้านเนื้อหาสาระ   เนื้อหาสาระที่ควรนำมาใช้ในโปรแกรมการเตรียมความพร้อมเพื่อการคลอดชองหญิงตั้งครรภ์มุสลิม  ควรประกอบด้วย  การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย ด้านจิตสังคม  ของมารดา  พัฒนาการของทารกในครรภ์  อาการและอาการแสดงที่จะต้องใช้ประกอบการตัดสินใจมาโรงพยาบาลเพื่อลดเวลานอนรอคลอดในโรงพยาบาล  ขั้นตอนการให้บริการของสถานบริการที่หญิงตั้งครรภ์ไปใช้บริการ  การปฏิบัติตัวระยะตั้งครรภ์  การปฏิบัติตัวขณะรอคลอด  การปฏิบัติตนเพื่อเผชิญความเจ็บปวดระยะคลอดโดยผู้คลอดและผู้ดูแลที่เฝ้าคลอดให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม ความเชื่อ   และศาสนา  เพื่อให้ผู้คลอดคลายความหวาดกลัว  คลายความวิตกกังวลในการคลอด และสามารถเผชิญความเจ็บปวดในระยะคลอดได้

ด้านกระบวนการ  การสอนควรมีการทบทวนและฝึกปฏิบัติซ้ำๆเพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญ  สามารถปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่สถานการณ์จริง  และควรมีคู่มือให้กลับไปทบทวนได้ด้วยตนเอง

 ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน

ด้านชุมชน  สร้างกลุ่มจิตอาสา หรือครู ก  จากการเตรียมเพื่อนหญิงมุสลิมที่ผ่านโปรแกรมเตรียมความพร้อมก่อนคลอดและผ่านประสบการณ์คลอด  ร่วมกับ  อสม.  ให้เป็นพี่เลี้ยงในชุมชน  เพื่อการเตรียมหญิงตั้งครรภ์ก่อนคลอด และขยายชุมชนการช่วยเหลือไปยังชุมชนใกล้เคียงอื่นๆ

ด้านการเรียนการสอน  นำเรื่องโปรแกรมการเตรียมความพร้อมเพื่อการคลอดชองหญิงตั้งครรภ์มาใช้สอน  โดยเน้นย้ำทั้งในส่วนของทฤษฎีและปฏิบัติ  ให้สอดคล้องกับการสืบสานวัฒนธรรม  ความเชื่อ  และพฤติกรรมบริการ

ด้านวิชาชีพ  เน้นย้ำพฤติกรรมบริการในหน่วยงาน  ฉุกเฉิน วิกฤติ ห้องคลอด ให้สอดคล้องกับบริบทของวัฒนธรรม  และความเชื่อ เพื่อลดความหวาดกลัว  ความวิตกกังวลของผู้มารับบริการ  และสร้างความเข้มแข็งด้านจิตวิญญาณให้สามารถผ่านเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญในครั้งนั้นได้ด้วยความเชื่อมั่น

ด้านการบริหาร  นำไปเป็นนโยบายจัดโปรแกรมการเตรียมความพร้อมเพื่อการคลอดของสถานบริการแม่และเด็ก

 ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ

ด้านการเรียนการสอน  นำเรื่องโปรแกรมการเตรียมความพร้อมเพื่อการคลอดชองหญิงตั้งครรภ์มาใช้สอน  โดยเน้นย้ำทั้งในส่วนของทฤษฎีและปฏิบัติ  ให้สอดคล้องกับการสืบสานวัฒนธรรม  ความเชื่อ  และพฤติกรรมบริการ

  (519)

Cultivation the Public-Minded Consciousness: A model for Nursing Students

Cultivation the Public-Minded Consciousness: A model for Nursing Students

แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้

 

วันที่บันทึก :   28  พฤษภาคม 2557

ผู้บันทึก :   นางรัถยานภิศ  พละศึก

กลุ่มงาน :  งานวิจัย ผลงานวิชาการและการจัดการความรู้

ฝ่าย :  ส่งเสริมวิชาการ

ประเภทการปฏิบัติงาน: การนำเสนอผลงานวิจัย

วันที่   22  พฤษภาคม 2557  ถึงวันที่  24 พฤษภาคม 2557

หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

สถานที่จัด :   ณ  โรงแรมภูเก็ต  เกรชแลนด์ รีสอร์ท

เรื่อง :  การนำเสนอผลงานวิจัยระดับนานาชาติ

รายละเอียด

Cultivation the Public-Minded Consciousness: A model for Nursing Students

RatthayanaphitPhalasuek
Boromrajonani College of Nursing
Nakhon Si Thammarat, Thailand
tpalasuek@yahoo.com

Phakamol Thonglears
Boromrajonani College of Nursing
Nakhon Si Thammarat, Thailand
pakamon2518@hotmail.com

Nakhon Si Thammarat, Thailand
pakamon2518@hotmail.com

Abstract

Nursing student’s attitude has shown gap of accuracy. This study aimed to cultivate the public mind in nursing students. A twenty-nursing student by purposive sampling of the Third year nursing student from Boromarajonani College of Nursing, Nakhon Si Thammarat. Three steps for cultivation in the nursing student public mind consisted of service mind capacity surveying, service mind capacity building, and network of service mind expanding. The results revealed that three components to develop the public mind are themselves, their families and society. A model for cultivated the public mind in nursing student involved three elements; the policy development, the strategic planning determination, and operational development. An approach to public awareness based on the opinion of the students including 1) pre-regard to collective, 2) regard to public awareness, 3) experiencing the Self-conscious, 4)experiencing the others-consciousness, and 5) experiencing the community-consciousness. This research proposes to establish the policy for remaining the student’s public mind, encouraging the institutions integrate the cultivation  public mind in the lessons and activities, and creating collaboration with their parents to gain the nursing student’s public mind.

Keywords:Public-Mind, Cultivation, Nursing Students

1. Introduction

The public mind is consciousness or mental public. The layer of meaning is known as a similar meaning on consciousness and mind included the public consciousness, good conscious, and social consciousness.  In Buddhism known as sacrifice energy,merciful mind and intelligence for the benefit of society and the happiness of others as a consequence of a spiritual happiness when good deeds which filled with mental was calm, cool, and the forces to do good things. The public mind is the result of the evaluationto feature on attitudes, beliefs, values ​​and interests of the individual comments that cover choosing, social responsibility, without monetary, and beyond basic obligations.

Volunteerism exists in human since people design to do goodness. However, human obstacles such as failure, disrespectful, and insult interrupt a volunteering behavior. Trained mind to overcome the barricade is imperative to empower the construction of a conscious mind that were applied for educational institutes.

A social cognitive learning theory explains that personal goals, in turn, enhance organizational attainments directly via the mediation of analytic strategies. As managers begin to form a self-schema of their efficacy through further experience, the performance system is regulated more strongly and intricately through their self-conceptions of managerial efficacy. Although the relative strength of the constituent influences changes with increasing experience, these influences operate together as a triadic reciprocal control system (Robert Wood and Albert Bandura, 2013).

As, the interactionism model is a popular theory that was universal recognized that set a point of view causes of behavioral expression in different dimensions such as cause of mind, cause of state, and cause of co-influence or interaction between characteristics of mind and state on human behavioral pattern (NongnapasThiengkamol. (2012). According to public consciousness or public mind based on inspiration from insight is different from motivation is doesn’t need any reward. Inspiration of public consciousness might occur due to appreciation of a role model or idle, impressive events, notable situations, impressive environment, and media perceived (Thiengkamol, 2009a, Thiengkamol, 2009b, Thiengkamol, 2011a, &Thiengkamol, 2011e).

Boromarajonani College of Nursing, Nakhon Si Thammarat, Thailand (BCNNST) must develop the graduates to achieve service mind—to provide friendly service with compassion, attention to the problems and suffering of clients and stakeholders, serving as problems and patient’s needs by deep listening. Thus, expansion student nurse’s prosocial behavior—social responsibility, equity, and reciprocity is the greatest of instructor’s mission to emphasize.

2. Objective

The objective was to develop the pattern of the public-mind consciousness in nursing students.

3. Methodology

The qualitative research design by applying step by step as follows:

3.1 The 20 purposive sampling from the 108 population were the Third year nursing students of BCNNST.

3.2 A three-step for cultivated the nursing student’s public mind covered;

3.2.1 Service mind capacity surveying aimed to study the understanding of the public consciousness in the students.

3.2.2 Service mind capacity building aimed to provide the students with a positive attitude towards the public consciousness.

3.2.3 Network of service mind expanding purposed to encourage how to build the social or public affection in the students.

3.3 The research instruments used to develop public-minded consciousness included three categories. The first type was learned with three model of the behavioral movies a cancer patient who taking care of 10 orphans, the pianist’s caregiver had learned piano for 2 years for achieved herself instead the elderly pianist who deformed left arm be able to play piano, and group of volunteers training imitating natural sounds such as rain and frogs to storytelling for blindness heavenly perceived the voices. The second one was intuitive writing explored processes and results of reflective thinking or self-observation. It puts the sample thought to aware of a volunteerism clearly for giving reasons of public-minded consciousness. The last one was process of Appreciation Influence Control (AIC) for learning through the direct experience.

3.4 The data was gathered by in depth interviews in this study elicited detail information about volunteering behaviors. In depth interviews also explored details rising from the public-minded consciousness in terms of knowledge and understandings, the reason in making decisions of public-minded consciousness and the public-minded behaviors.

3.5 Analysis of data used were content analysis  refered to research objective.

4. Results

4.1 Service mind capacity

Service mind capacity in nursing students refer to understand in the public-minded consciousness with insight into two aspects as followed;

a) An integration of people who have public-mindedness done for public activities like helping other people or society and environmental conservation activities which occured in various festivals. As the samples said;

“… any activities that help others such as cleaning the temple on a holiday…”

“… anyone can be a volunteer by kindness to others. Previously, thoughtful public activity as a volunteer camp that is a major projects… “

“… integration activities such as clubs, including any kind of a group activity in the festival. …”

“… Joint effort with the leader”

b) Public-minded consciousness is the helpful behaviors expressing sacrifice for people  or social without expecting rewards.As the samples said;

“… We have a heart to help others without being forced whether a little or bundles. This starts from myself before”.

“…helping others is good because it is benefit others without expecting for return “.

“… helping soul as it allows recipients to feel good. To help someone in a trouble or not is more benefit “

“… bringing the ability to help others”.

After the sample watched the 3 modeling behavioral movies they clarify understanding the nature of  public-minded consciousness is the idea of ​​people that need to do for the benefit of others and social. Whether it cover maintenance activities in the public domain, helping people to benefit or to assist those who have suffered. By those actions do not expect for return. This public-minded consciousness is able to achieved to anyone, even though they didn’t used to think. The prototype also set the modeling to another one. Furthermore, people have found happiness with public-minded consciousness without expecting rewards. As the samples said;

“… anyone can be a volunteer by kindness to others”.

“… public-minded consciousness is cultivated by oneself to do for others but not for themselves “.

“… At first, I thought public-minded consciousness was be involved, but indeed that is the benefit to do for others”.

4.2 Service mind capacity building

Nursing students learned public-minded consciousness as a process of thinking and attitude of helping others, a community, and social which reasonable reconstruction from the value realization of the action to the other party or context of the community and society without expecting rewards until succeed the individual confidence as the samples said;

“… developing personal public mind is changing attitude from shame of volunteering behavior to keep my spirit up“.

“…previously I thought, was that good to pick garbage up or not because most people didn’t do. After I realized the media not only that maintain a courage of mind but also promote and develop my public mindedness”.

“… public-minded conscious was driven by to ensure that things are well done, it doesn’t strange and I have found happiness with the thing I though and done  for other people”.

“…just clear volunteering vision with the elderly’s caregiver who invested to learn piano for play the piano as the other hand of the elder people was very impress me. I think it was unnecessary to do, but she attempt to do for the elder’s happiness”.

In this study has found that individual public-minded consciousnessis classified into 4 levels as followed;

Level 1 is social responsibility and respecting the other’s rights. This level people regard the right to life, liberty and security of people.   They are endowed with reason and conscience and should act towards each other in their lifestyles without the intervention. So, that’s very thoughtful of interaction.

Level 2 is hesitation. This level people are nervous, embarrassed or worried, so they have a pause before doing something or a feeling that they should not do it.

Level 3 is an idea to help others in appropriate environment or context. This level people contribute to the performance based on their interactions to the environments involved by equipment, atmosphere and duties to preserving environments.

Level 4 is an attempt to do something success. This level people unconditionally intent to assist another personor others what they are capable without expecting rewards. As the samples said;

“…difference level of mindedness behavior, the lowest level is based on social responsibility, avoiding physical punishment and respecting the others’ rights; while, the second one is making decision to help. The thirdly is as acting for others’ acceptance, and the highest is becomes the helpful behaviors expressing sacrifice and solving the terrible situation without return”.

4.3 Network of service mind expanding

After the samples care for the elderly and disabled people in the community by using AIC as the main mechanism. The results revealed that three components to developed the public mind were themselves, their families, community leader, educational institute, teacher’s facilitate, and society. A model for cultivated the public mind in nursing student involved three elements; the policy development, the strategic planning determination, and operational development.

An approach to cultivated public awareness based on the nursing student’s opinion included;

1) Pre-regard to collective responsibility is to create or adapt a positive attitude towards the public-minded consciousness by studying to clarify the understanding of the public consciousness situations. Using stories telling, movie, and video watching.  This phase should be developed from the family.

2) Regard to public awareness is a changing process of ideas, beliefs, and values regarding to their abilities, and creativity. Include an expanding their ability to help others which is a positive thinking towards public-minded consciousness. This phase requires the reinforcement from other people and the contributionenvironmentor context as peer groups.

3) Experiencing the Self-consciousness is determination to help othersin uncomplicated situation until the event of a disaster. People have learning by doing and affect from the recipients. This phage is a moment for achieve a positive impression on their actions. The prototype developed in this phase to ensure concrete action.

4)Experiencing the others-consciousness is the accumulation of public mindedness and cultivate a positive attitude towards public awareness until becomes the identity.

5) Experiencing the community-consciousness is a period of expanding public awareness and building networks with communicate their experience to others. This phase requires vocal group activities for the benefit of the community. Lessons learned by the reflective thinking to create and cultivate a positive attitude towards the public consciousness to others. As the samples said;

“…public mind needs motivation, but not compulsion. So, it is important to understand what, how, where, and when to do. Public-mindedness cultivation need communication and repeating action”.

“…mindedness behavior must include; 1) have a good attitude, good thought and good practice, 2) peer group—friend and teacher agreed with the idea to help and learn together. 3) ensure that things are well done for making people happy”.

“…volunteer activities have to be able to do for real. The factors that encourage the public mindedness were cultivated by parents, teachers who have a good role model”.

5. Discussion

The finding indicated nursing student’s opinion towards the nature of the public-minded consciousness is a process of thinking and attitude of that before and after clarify understanding are different. This study found that public-minded consciousness is able to achieved with anyone which the component includes 5 domains: 1) mental public or attitude 2) public activities 3) sacrifice behavior for others without rewards 4) public-minded consciousness modeling and 5) context that enabling mental public. Public-minded consciousness is classified into 4 levels as followed; Level 1 is a social responsibility and respecting the human rights. Level 2 is a hesitation. Level 3 is an idea to help others in appropriate environment or context. Level 4 is an attempt to do something success. An appropriate approach to cultivated public awareness based on the nursing students’ opinion include; 1) Pre-regard to collective responsibility which should be developed from the family, 2) regard to public awareness that requires the reinforcement from other people and the contributionenvironmentor context as peer groups, 3) experiencing the self-consciousness which the prototype developed in this phase to ensure concrete action, 4) experiencing the others-consciousness, and 5) experiencing the community-consciousness in this phase lessons learned by the reflective thinking to create and cultivate a positive attitude towards the public consciousness to others. The results coherent to various studies such as Siri  Kaensa (2008), NongnapasThiengkamol (2012), Andrea Campbell &  Nathaniel Persily, (2012), PhakawadeeLearsKarnchawat, (2011) and Constance Milbrath (2013).

 

6. Conclusion

Cultivation the Public-Minded Consciousness is the process changing in cognitive domain, affective domain, and volunteering behaviors to make the consciousness of benefit. Moreover, nursing student’s learning processes based on interaction to the environment involved peer group, teachers, community by rights and ability.The recommendation towards sustainable development the public awareness by policies established,encouraging the institutions integrate the cultivation  public mind in the lessons and activities, creating collaboration with their parents to gain the nursing student’s public mind and enabling mental environment as peer groups for cultivation public-minded consciousness cover experiencing the others-consciousness and experiencing the community-consciousness.

References

Andrea Campbell & Nathaniel Persily. (2012). The Health Care Case in the Public Mind: How the Supreme Court Shapes Opinion About Itself and the Laws It Considers from http://blog.oup.com/wp-content/uploads/2012/09/Persily-Campbell-health-care-case-in-public-mind.pdf

Constance Milbrath (2013).Socio-culturai selection and the sculpting of the human genome: Cultures’ directional forces on evolution and development.An International Journal of Innovative Theory in Psychology, 31(13), 390-406.

NongnapasThiengkamol. (2012). Model of Environmental Education and Psychological Factors Affecting to Global Warming Alleviation.Mediterranean Journal of Social Science,3(11), 427-435.

PakawadeeLearskarnchanawat. (2011). The  Development of Public Mind for Thai Society in Buddhist. The NationalDefenseCollege, Bangkok.

Robert Wood and Albert Bandura.(1989). Social Cognitive Theory of Organizational Management.Conversations. Journal of Management, 14(3), 361-384.

Siri Kaensa. (2008). Developing Public ConsciousnessSof  Mutthayomsuksa Students. A Case Study of KhonsawanSchool  Chaiyaphum Province.Thailand. Educational Journal of Thailand, 2(1), 64-72.

Thiengkamol, N. (2009a). The Great Pyilosopher: the Scientist only know but Intuitioner is Lord Buddha. Bangkok: Prachya Publication.

Thiengkamol, N. (2009b).The Happiness and the Genius be Created before Born. Bangkok: Prachya Publication.

Thiengkamol, N. (2011a). Holistically Integrative Research (2nded.).Bangkok: ChulalongkornUniversity Press.

Thiengkamol, N. (2011e). Environment and Development Book1. (4thed.).Bangkok: ChulalongkornUniversity Press.

 

 

 

 

 

 

 

 

  (371)

The Preparedness of Tambon Health Promoting Hospital for Elderly Care Supporting.

The Preparedness of Tambon Health Promoting Hospital for Elderly Care Supporting.

แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้

 

วันที่บันทึก :   28  พฤษภาคม 2557

ผู้บันทึก :   นางวันดี  แก้วแสงอ่อน

กลุ่มงาน :  การพยาบาลผู้ใหญ่

ฝ่าย :  -

ประเภทการปฏิบัติงาน: การนำเสนอผลงานวิจัย

วันที่   22  พฤษภาคม 2557  ถึงวันที่  24 พฤษภาคม 2557

หน่วยงาน/สถาบันที่จัด :  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

สถานที่จัด :   ณ  โรงแรมภูเก็ต  เกรชแลนด์ รีสอร์ท

เรื่อง :  การนำเสนอผลงานวิจัยระดับนานาชาติ

รายละเอียด

The Preparedness of Tambon Health Promoting Hospital

for Elderly Care Supporting.

Pimpawan Rueangphut

Boromarajonani College of Nursing Nakhon Si Thammarat,

Mueang, Nakhon Si Thammarat, Thailand.

ying.pim@hotmail.com

Wandee Kaewsaeng-on

Boromarajonani College of Nursing Nakhon Si Thammarat,

Mueang, Nakhon Si Thammarat, Thailand.

Wandee129@yahoo.com

Abstract

The Objective of this study was to describe the opinions of elderly towards the  Preparedness of Tambon Health Promoting Hospital for Elderly Care Supporting. Two hundred and seventy-eight subjects in 9 villages of Nakean district, Mueang , Nakhon Si Thammarat were randomly selected. The findings revealed that the opinions of elderly towards the  Preparedness of Health Promoting District Hospital for Elderly Care Supporting were at high level ( 4.15,SD 0.58). The highest was health care supporting ( 4.20, SD 0.56),the lower was social supporting( 4.11, SD 0.67).  The health care supporting items found that the Tambon HealthPromoting Hospital  provide media of disease to prevent disease in community was lowest, the lower were  Knowledge to prevent the accidents in elderly ( 4.06, S.D 0.84). The social supporting items found that the hotline health care was lowest (  3.77, S.D 1.17), the lower which, were  broad or poster of health care for elderly ( 3.83, S.D 1.04), Box comment/problem management (3.91,S.D 0.91), Consulting Room for elderly care (3.99,S.D 0.96). This finding confirmed that the Tambon Health Promoting Hospital should supporting in health care information, such as: hotline health care, broad/poster of health care, providing adequacy of resources, such as: consulting room, garden for relaxation, box comment and problem management   for the elderly in the community.

Key word: Preparedness, Tambon HealthPromoting Hospital , Elderly Care

 

1. Introduction

The elderly populations of Thailand are increasing rapidly. These demographic changes are a direct result of the success of socio-economic development that has led to declines in mortality rates at all ages and reductions in fertility. Therefore, making best use of the limited resources available for health care will require an emphasis on training of professional staff and volunteers, but with integration of health care for elderly people with established health services, particularly the existing primary health care systems.

Public health refers to all organized  measures to prevent disease, promote health, and prolong life among the population as a whole. Its activities aim to provide conditions in which people can be healthy and focus on entire populations, not on individual patients or diseases. Thus, public health is concerned with the total system and not only the eradication of a particular disease. The three main public health functions are 1) assessment and monitoring of the health of communities and populations at risk to identify health problems and priorities  2) formulation of public policies designed to solve identified local and national health problems and priorities 3) to assure that all populations have access to appropriate and cost-effective care, including health promotion and disease prevention services. (WHO,2007)

The Thailand Government and the Ministry of Public Health (MOPH) were policy to reform the health system to be effective and quality standards by raise the Public Health to be Tambon Health PromotingHospital. The objective of the Tambon HealthPromoting Hospital is primary service and parish development of health system, quality standards and more potent include health promotion,  emphasis on proactive health service that people can access it thoroughly and equally. The Tambon  Health PromotingHospital focus on health promotion, prevention and control disease, policing, rehabilitation Including the management of health risk factors (Ministry of Public Health, 2013)

The Nakean subdistrict is located in Mueang of Nakhon Si Thammarat province in the southern part of Thailand, which has population 11,303, a total of 1,034 elderly, and 2 Tambon HealthPromotingHospital. The Boromarajonani College of Nursing Nakhon Si Thammarat joined with Nakean Subdistrict Administration Organization(SAO) and Tambon Health Promoting Hospital of Banmaunghuotalang and Tambon Health Promoting Hospital of Bantungnod training Health Volunteers and caregivers to promote and support  health care for the elderly in community. The objective of this study was survey the opinions of elderly towards the  preparedness of Tambon HealthPromoting Hospital for elderly care supporting.  The issue of preparedness of Tambon HealthPromoting Hospital  for elderly is crucial, which will guide prepare to Tambon HealthPromoting Hospital for elderly care.

2. Method

Data were randomly selected  from 278 subjects of elderly in 9 villages of Nakean sub district, Mueang District, Nakhon Si Thammarat (Krejcie and Mogan,1970),  survey on opinions of elderly on the  preparedness of Tambon HealthPromoting Hospital  in supporting of the elderly. The core questionnaire includes questions about demographic, preparedness of Tambon HealthPromoting Hospital  in supporting of the elderly, and recommend to improvement, which in 2013. All instruments were developed by the researcher. Questionnaire was evaluated for its content validity by 3 experts, tested for its face validity by 10 elderly volunteers and approved for its internal consistency and try out to 30 elderly in community and yielded an Cronbach alpha coefficient of 0.96. The data were analyzed by using mean, and standard deviation.

 

3. Results

Table 1 Presents demographic sample characteristics. Of the elderly in grades 60 to 69, about 61% were female, 26% were married, 42% live with child, 61% were healthy, and 59% were not participate to any club.

 

Table 1 Description of sample characteristics

 

     Characteristic Number Percentage
Sex

Male

Female

Age group

60-69

70-79

80+

Status

Single

Married

Separate/Divorce

Households

Mate

Child

Mate and Child

Sibling/ cousin

Health

Healthy

Have disease

Participation to club

No

yes

 

108

170

 

159

80

39

 

7

155

116

 

43

118

111

6

 

169

109

 

164

114

 

38.9

61.1

 

57.2

28.8

14.0

 

2.5

55.8

41.7

 

15.5

42.4

40.0

2.1

 

60.8

39.2

 

59

41

 

The  opinions of elderly towards preparedness of Tambon HealthPromoting Hospital for elderly care supporting were high level ( 4.2, SD 0.58). Examination categorized of elderly care supporting to health care supporting (table 2), and social supporting (table 3). Considering some items of health care supporting, the policing of screening elderly disease were highest level (4.39, S.D 0.70) and the prevention to providing pamphlet of disease were lowest level ( 4.03, S.D 0.77). Similar to items of social supporting, the participation of support family to realize elderly value were highest level ( 4.38,  S.D 0.66) and the information of hotline health care were lowest level ( 3.77, S.D 1.17).

Table 2 Health care supporting

 

     Preparedness      (SD)
Promotion

Exercise

Hygiene care

Appropriate eating

Shearing stress

Prevention/Control disease

Encourage cleaning eating

Educate of hygiene care

Providing media of disease

Knowledge to prevent accident

 

Policing

Individual consult

Screening elderly disease

Express entrance of elderly

Support fee for elderly

Home visit for elderly illness

Proving medicine for primary care

Refer to hospital

Monitoring to patients

Rehabilitation

Knowledge for rehability

Home care

Training rehability program

4.16(0.79)

4.17(0.81)

4.22(0.73)

4.17(0.72)

4.12(0.76)

 

4.16(0.62)

4.37(0.70)

4.19(0.77)

4.03(0.77)

4.06(0.84)

 

4.24(0.60)

4.15(0.81)

4.39(0.70)

4.21(0.85)

4.34(0.89)

4.26(0.72)

4.17(0.81)

4.28(0.72)

4.12(0.80)

4.19(0.68)

4.22(0.78)

4.14(0.74)

4.21(0.79)

 

Table 3 Social supporting

 

     Preparedness    (SD)
Information

Hotline health care

Proving of health care knowledge

Broad/Poster of health care

Elderly’s Right

Educate facilitator for elderly care

Educate volunteer for elderly care

 

Adequacy of Resources

Ambulance service

Consulting Room for elderly care

Personal responsible for elderly care

Garden for elderly relaxation

Facility for elderly

Area for elderly participation

Seat for elderly in hospital

Box comment/ problem management

 

Participation

Elderly recommend to elderly project

Support family to realize elderly value

Training facilitator for elderly care

Co-operating to Institute

Co-operating to Community

Co-operating to Organization

4.06(0.70)

3.77(1.17)

4.18(0.74)

3.83(1.04)

4.24(0.95)

4.13(0.74)

4.23(0.74)

 

4.07(0.67)

4.17(0.89)

3.99(0.96)

4.14(0.74)

3.91(0.96)

4.13(0.86)

4.17(0.80)

4.13(0.74)

3.91(0.91)

 

4.21(0.62)

4.04(0.79)

4.38(0.66)

4.24(0.71)

4.23(0.69)

4.21(0.81)

4.12(0.82)

4. Discussion 

The opinions of elderly towards  preparedness of Tambon Health Promoting Hospital for elderly care supporting were high level due to the issue of health public policy and health impact assessment (HIA) were first raised in Thailand in 2000 and had been raised in the reform process, which reinforced the concept of healthy public policy as promoted by the Ottawa Charter for Health Promotion. The nation of healthy public policy received good public response in combating the problems forced by Thai society and was incorporated into the nation health system reform framework (Decharut and Kuametha,2010). After that the Ministry of Public Health and Province Health Office were implemented and capacity strengthening activities, focus on service mind, environment, cooperation of networking, and practice on discipline and regulation (Chuchai, Somsak, Supakit,Et all. ,2009). Our results are consistent with several studies that reporting the Tambon HealthPromoting Hospital were compliance, which, improving the structure, service, and management emphasized to promoting, preventing, policing, rehabilitating, training volunteers for elderly care, cooperating network to provide care for elderly. Service covering all segment of the elderly, managed care, access to services, including manual of practice guideline and standard service for elderly. (Prasert,2012; Wanapa and Ladda, 2010, Worachart,2010). The policy implementation to health managers at provincial and district level were capable of translating policies into successful programs on the ground, they were pragmatic and had the flexibility to adapt national policy to the local context, managers had a broad scope of authority in managing financial and human resources according to the government and MOPH regulations.

When we considering the opinions of elderly to  health care supporting categories of the preparedness of Tambon Health Promoting Hospital for elderly care supporting were found that, the promoting items and the prevention items were lowest, specially of providing media of disease and knowledge to prevent accident. And the policing items were highest, specially the screening elderly disease and support fee for elderly. Relative to Thailand had the Universal Health Insurance Coverage (UC) policy implemented in 2001 offers a package of health-care interventions at public facilities to all Thai citizens, the so-called populist policies, advocating for the rights and interests of ordinary people in rural areas to obtain political advantages. (Walaiporn, Viroj, Supon, Et all., 2011).

The social support is one of the important factors to maintained the well-being in the aged ,the social  supporting categories show that the opinions of elderly to information were lowest and adequacy of resources were lower, specially information of hotline health care, broad or poster of health care, consulting room, garden for elderly relaxation, and box comment and problem management. Consistent with the study of Prasert,(2012) found that the elderly were participated in activities of supporting elderly of hospital.

 

5. Conclusion 

This study, with a representative sample of elderly, adds to finding confirmed that the Tambon Health Promoting Hospital should supporting in health care information, such as: hotline health care, broad/poster of health care, providing adequacy of resources, such as: consulting room, garden for relaxation, box comment and problem management   for the elderly in the community.

 

Reference

Journal

[1] Krejcie,R.V.,&Morgan,D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Education and Psychological Measurement., 30, 607-610.

Book

[2]   Chuchai,S., Somsak,C., Supakit,C.,Et all. (2009). Manual of Service of Tombon Health Promoting Hospital. Bangkok: The War Veterans Organization.

[3] Decharut,S., & Kuametha,R. (2010). Health impact assement in Thailand: a learning tool for addressing Health in All Policies. In Llona.K&Kevin.B (Ed). Implementing Health in All Policies Adelaide 2010. Deparment of Health, Government of Aouth Australia.

[4] Ministry of Public Health. (2013). Report of Policy and Strategy of Ministry of Public Health. Online Book retrieved 21, June,2013, from http://ict4.moph.go.th/reportm/index.php?option=com_content&view=article&id=51:2010-09-16-18-24-34&catid=36:2010-09-16-18-04-44&Itemid=57

[5]   Prasert, P. (2012). Potential of Tombon Health Promoting Hospital in Kham Sakaesaeng District, Nakhon Ratchasima Province. Local Government. College of  Local Administration. Khon kaen University.

[6]  Wanapa,S., & Ladda, D. (2010). Guideline in Elderly Service. Bangkok: Sahamit.

[7]   Walaiporn,P., Viroj,T., Supon,L.,Et all. (2011). Why and How did Thailand Achieve Good Health at Low Cost. In Dina,B., Martin,M., &Anne,M (Ed). Good Health at Low Cost 25 Years on What make a Successful Health System. United Kingdom: Chalesworth Press.

[8]    Worachai,J. (2010). The Roles of Health Center Offices in Health Promoting Tambon Hospital, District Inspector 12. Faculty of Public Health. Burapha University.

[9] World Health Organization. (2007). World Organization 2007. Geneva: World Health Organization.

 

 


 

  (474)