แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้
วันที่บันทึก : 12 มกราคม 2557
ผู้บันทึก : นายอาทิตย์ ภูมิสวัสดิ์
กลุ่มงาน : งานยุทธศาสตร์และแผนงาน
ฝ่าย : ยุทธศาสตร์และบริหารคุณภาพ
ประเภทการปฏิบัติงาน: ประชุม
วันที่ 25 – 26 ธันวาคม 2556
หน่วยงาน/สถาบันที่จัด : สถาบันพระบรมราชชนนก
สถานที่จัด : ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
เรื่อง : สองทศวรรษสถาบันพระบรมราชชนก ตามรอยพระราชบิดา ผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ
รายละเอียด
พระกรุณาธิคุณพระบรมราชชนกต่อการสาธารณสุขไทย
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่๖๙ ในพระบาท สมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และองค์ที่ ๗ ในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ประสูติเมื่อวันศุกร์ เดือนยี่ ปีเถาะ ขึ้น ๓ ค่ำ ทรงเข้าศึกษา ณ โรงเรียนราชกุมารในพระบรมมหาราชวัง และเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยชั้นประถมเมื่อพ.ศ.๒๔๔๗ หลังจากนั้นได้เสด็จไปศึกษาต่อในสหราชอาณาจักร และศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยในกรุงเบอร์ลิน เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๕ ทรงได้รับยศนายเรือตรีทั้งในกองทัพเรือแห่งเยอรมัน และแห่งราชนาวีสยาม ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ (ค.ศ.๑๙๑๔) สมเด็จพระบรมราชชนกทรงลาออกจากกองทัพเรือเยอรมัน เสด็จนิวัติกลับประเทศไทย เนื่องจากการอุบัติสงครามโลกครั้งที่ ๑ พระองค์ทรงเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือในตำแหน่งสำรองราชการ กรมเสนาธิการทหารเรือได้รับพระราชทานยศเป็นนายเรือโท
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐ สมเด็จพระบรมราชชนกได้เสด็จเข้าศึกษาวิชาสาธารณสุขที่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๘ สมเด็จพระบรมราชชนกได้ทรงสำเร็จการศึกษา และได้รับประกาศนียบัตรการสาธารณสุข พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมมหาวิทยาลัยและรับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๖ ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๘ สมเด็จพระบรมราชชนกพร้อมพระชายาและพระธิดาเสด็จยุโรปเพื่อไปศึกษาเรื่องแพทย์ต่อ โดยได้ทรงเลือกวิชากุมารเวชศาสตร์ สมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จถึงจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๒ ทรงประทับกับครอบครัวผู้อำนวยการโรงพยาบาลและทรงมีมหาดเล็กเพียงคนเดียว พระบรมราชชนกทรงมีความเอาใจใส่ในการรักษาประชาชนอย่างมาก ชาวเมืองเชียงใหม่จึงขนานพระนามของพระองค์ว่า หมอเจ้าฟ้า และเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๒ เวลา ๑๖.๔๕ น. พระบรมราชชนกก็ได้เสด็จทิวงคตด้วยโรคพระอาการบวมน้ำที่พระปับผาสะ(ปอด) พระชนมายุได้ ๓๘ พรรษา หลังจากทรงทนทรมานอยู่ได้ ๓ เดือนครึ่ง
การปฏิรูปกระทรวงสาธารณสุขและนโยบายด้านกำลังคน
ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับประชากรในประเทศไทยมีหลายสาเหตุ ๕ สาเหตุแรกของการตายสูงสุด ได้แก่ โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง การบาดเจ็บ โรคเอดส์ รวมทั้งโรคไม่ติดต่ออื่นๆ พบปัญหาพัฒนาการไม่สมวัย สุขภาพในช่องปาก ปัญหาวัยเจริญพันธุ์กับการตั้งครรภ์ไม่พร้อม รวมถึงการทำแท้ง สุขภาพวัยทำงานถูกคุกคามด้วยโรคเรื้อรัง ภัยคุกคามจากมลพิษและสารปนเปื้อน ภาวะโลกร้อน มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง ภัยอันตรายจากสิ่งปฏิกูล สารเคมีจากอุตสาหกรรมส่งผลกระทบสุขภาพชัดเจน นอกจากนี้ ในปี ๒๕๗๓ ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุอย่างเต็มตัว ขณะที่ประชากรที่เป็น วัยแรงงานและแข็งแรงจะค่อยๆ ลดลง ทั้งหมดนี้นำไปสู่ความเสี่ยงทางด้านงบประมาณในการจัดการดูแล รวมทั้งรับภาระทางการคลังในอนาคตที่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรดังกล่าว
การจัดงบประมาณด้านสาธารณสุขแบบ “อัตราเหมาจ่ายรายหัว” ภายใต้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยอ้างอิงตามจำนวนประชากรที่อยู่ภายใต้การดูแล แม้จะมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนย้ายทรัพยากรด้าน สาธารณสุข ทั้งบุคลากร เตียง และวัสดุเครื่องมือต่างๆ ให้เกิดความเหมาะสมในการให้บริการตามความต้องการบริการ สาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันกลับพบว่า ความไม่สามารถในการปรับตัวของสถานพยาบาล รวมทั้งลักษณะเฉพาะของพื้นที่และประชากร เช่น สถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กันดารซึ่งมีประชากรอยู่น้อย ทำให้งบประมาณที่ได้รับน้อย แต่ขณะที่ต้นทุนในการดำเนินการขั้นต่ำค่อนข้างสูง ฯลฯ ทำให้สถานพยาบาลหลายแห่งเกิด ปัญหาด้านการเงินการคลัง นอกจากนี้ การกระจายทรัพยากรทางด้านสาธารณสุขที่แตกต่างกันระหว่างพื้นที่นั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาประสิทธิภาพในการให้บริการ ทั้งหมด ล้วนเป็นประเด็นที่สำคัญที่ต้องพิจารณาเช่นเดียวกันภารกิจ วัตถุประสงค์ รวมทั้งกฎหมายกำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่หลัก ประกอบด้วย การกำหนด กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานด้านสาธารณสุข การบังคับใช้กฎหมาย และการจัดบริการสาธารณสุขโดยหน่วยบริการในสังกัด ดังนั้น การเสริมสร้างและสนับสนุนบทบาทของกระทรวงสาธารณสุขในด้านการเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ ให้มีความชัดเจนขึ้นนั้น จะช่วยทำให้การทำงานด้านสาธารณสุขในภาพรวมดีขึ้น โดยบทบาทดังกล่าวจะส่งผลกระทบ กับระบบสุขภาพในวงกว้าง โดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน จากแนวโน้มความรุนแรงของปัญหาดังกล่าว รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขในฐานะกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหา ได้กำหนดทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศไทย ให้เป็นระบบที่มั่นคงทั้งด้านการกำหนดนโยบาย การให้บริการ และความมั่นคงด้านการเงินการคลังของสถานพยาบาล ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่มีผลกระทบเชิงระบบในภาพรวมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อการพัฒนาระบบสุขภาพให้ก้าวต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเริ่มจากออกแบบโครงสร้างระบบ จากรากฐานปัญหา โครงสร้างระบบสาธารณสุขของประเทศไทยที่ควรจะเป็นควรมีลักษณะและผู้เกี่ยวข้องดังนี้ (ภายใต้หลักการการแยกบทบาทระหว่างผู้ให้บริการและผู้ซื้อบริการ รวมทั้งการแยกบทบาทการเป็นผู้กำหนดนโยบาย และการเป็นผู้ให้บริการออกจากกัน)
บทบาทที่ควรจะเป็นของ “กระทรวงสาธารณสุข”
บทสังเคราะห์ข้อเสนอบทบาทกระทรวงสาธารณสุขในศตวรรษที่ 21 โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นการระดมความเห็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ ได้ข้อสรุปว่า บทบาทหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่ครอบคลุมตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ นั้น ประกอบด้วย บทบาท ๔ ระบบย่อย อันได้แก่
1. บทบาทในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ
2. บทบาทในการพัฒนาระบบสร้างเสริมสุขภาพ
3. บทบาทในการพัฒนาระบบควบคุมและป้องกันโรค
4. บทบาทในการพัฒนาระบบยาและการคุ้มครองผู้บริโภค
ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน
การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงการบริหารงานที่สอดคล้องกับระบบสุขภาพไทยในปัจจุบัน
ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ
การพัฒนาการบริหารงานที่สอดคล้องกับระบบสุขภาพไทยในอนาคต
(520)