การอบรมพัฒนาศักยภาพวิทยากรพี่เลี้ยงหลักสูตร ผ.บ.ก./ผ.บ.ต.

การอบรมพัฒนาศักยภาพวิทยากรพี่เลี้ยงหลักสูตร ผ.บ.ก./ผ.บ.ต.

แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้

 

วันที่บันทึก :  27   มกราคม   2557

ผู้บันทึกนางนิสากร จันทวี

กลุ่มงานงานห้องสมุดและห้องปฏิบัติการพยาบาล

ฝ่าย :  วิชาการพยาบาลพื้นฐานและพื้นฐานวิชาชีพ  

ประเภทการปฏิบัติงาน:  อบรม

วันที่      14   – 17    มกราคม   2557

หน่วยงาน/สถาบันที่จัด : วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

สถานที่จัดณ วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม


เรื่อง
:    การอบรมพัฒนาศักยภาพวิทยากรพี่เลี้ยงหลักสูตร  ผ.บ.ก./ผ.บ.ต.

รายละเอียด

วิทยากรพี่เลี้ยง (Facilitator)

Facilitator คือใคร

              Facilitator คือ ผู้รับผิดชอบในการจัดรูปแบบและวิธีการทำงานเพื่อให้ทีม/กลุ่ม/คณะ

ทำงานได้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร

     ทำไมต้องมี Facilitator

  • เพื่อสร้างบรรยากาศและกระบวนการทำงานของทีม/เสริมพลังศักยภาพการทำงาน

ของหัวหน้าทีมและสมาชิกในทีม

  • เพื่อกระตุ้นและสร้างบรรยากาศของการพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
  • เพื่อประสานนโยบายคุณภาพองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย

เป้าหมายของ Facilitator

  • เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของทีม
  • เพิ่มการมีส่วนร่วมของทีม
  • นำความคิดที่มีค่าออกมาจากสมาชิกให้ได้มากที่สุด
  • นำไปสู่การยอมรับข้อสรุปร่วมกันของทีม
  • การเสริม เติมเต็มองค์ความรู้จากสมาชิกสู่ทีม

กลยุทธ์ของ Facilitator

  • สร้างบรรยากาศและกระบวนการเรียนรู้ในทีม

คุณสมบัติของ Facilitator

  • มีมนุษยสัมพันธ์ดี /ความสามารถในการสื่อสาร
  • มีความมุ่งมั่น เสียสละ ทุ่มเท อุทิศตน
  • เป็นผู้นำทีมได้ สามารถสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีม และกระตุ้นการเรียนรู้ในทีมได้

ภาระหน้าที่ของ Facilitator

  • เกริ่นนำ
  • กำกับทิศทางการทำงานของกลุ่ม
  • ดุแลกระบวนการกลุ่ม
  • ประเมินผลและกำกับกระบวนการประชุม

       บทบาทของ Facilitator

  • จัดเตรียม และสื่อสาร เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีวัฒนธรรมของการมีส่วนร่วมด้วยการสื่อสาร 2 ทาง ภายในทีม โดยมีความเชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องพลวัตของกลุ่ม
  • จัดโครงสร้างการประชุม/การมีส่วนร่วม แต่ไม่เข้าไปยุ่งกับเนื้อหา
    • ผู้เสริมสร้างให้เกิดการเรียนรู้
    • ผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคนิควิธี
    • ผู้สนับสนุนให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน
    • ผู้สร้างความร่วมมือภายในกลุ่ม
    • ผู้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวก
    • ผู้ช่วยแก้ปัญหาบางเรื่อง
    • เป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างมนุษย์
    • เป็นผู้ให้/ผู้รับความรู้
    • เป็นโค้ช คอยชี้แนะ สะท้อนกลับ
    • เป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อแรงกดดันของอำนาจใดๆ
    • เป็นผู้นำกองคาราวาน (กระบวนการ) ดูแลทิศทาง
    • เป็นผู้ให้กำลังใจในการเปลี่ยนแปลง
    • เป็นผู้คุมกฎ ดูแลความพร้อม/ระเบียบ
    • เป็นผู้วิเคราะห์ สรุปประเด็น ติดตามเชื่อมโยงสู่สิ่งใหม่ๆ
    • สนับสนุนกระบวนการ “การมีส่วนร่วมทางความคิด”
    • เป็นผู้รับผิดชอบต่อความสำเร็จของกระบวนการ

คุณลักษณะของ Facilitator ที่ดี

  • ทักษะที่พึงมีของ Facilitator

1. ทักษะการจัดแจงฉาก

2. ทักษะการสร้างบรรยากาศกลุ่ม

3. ทักษะการสื่อสาร

4. ทักษะการฟัง

5. ทักษะการตั้งประเด็นคำถาม

6. ทักษะการเสริมสร้างกำลังใจ

7. ทักษะการกระตุ้นให้ผู้ร่วมเวทีตื่นตัว

8. ทักษะการสังเกต

9. ทักษะการควบคุมประเด็นและคลี่คลายข้อขัดแย้ง

10.ทักษะการสรุปบทเรียน

  • สิ่งที่ควรและไม่ควรทำ/เป็นของบทบาท Facilitator

ควรทำ (Do)

ไม่ควรทำ (Don’t)

1.รับฟังความคิดเห็นสมาชิกกลุ่ม 1.ใช้ความคิดของตนเป็นหลัก
2.กระตุ้นให้สมาชิกเล่าเรื่องจาก ประสบการณ์ตนเอง 2.ใช้คำพูดชี้นำออกนอกเรื่อง
3.สร้างบรรยากาศที่ดีในการพูดคุย 3.เปิดโอกาสให้มีกลุ่มย่อย/ไม่มีกติกา
4.พูดจาสุภาพ 4.ขัดจังหวะการเล่าเรื่อง/ไม่สนใจฟัง
5.ศึกษาประเด็นที่จะมาพูดคุย 5.ปล่อยให้สมาชิกเล่าเรื่องออกนอกประเด็น
6.ถ้าสมาชิกเล่าเรื่องออกนอกประเด็นพยายามซักถามและนำเข้าสู่ประเด็น 6.เปลี่ยนประเด็นเร็ว/ไม่เชื่อมโยง
7.ควบคุมเวลาในการพูด 7.ควบคุมกำกับตึงไป/หย่อนไป

 

การเตรียมการล่วงหน้าก่อนการประชุม

๑) รู้กลุ่มเป้าหมาย

  • มาจากที่ใด  ทำงานอะไร ลักษณะการรวมกลุ่มจากหน่วยเดียวกัน  จากผู้ปฏิบัติงานหน้าที่เดียวกัน  จากประเภทของกิจกรรมที่กลุ่มต้องดำเนินการ  จากผู้มีความสนใจร่วมกันในเรื่องนั้นๆ

๒) รู้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมต้องการอะไร

  • ความประสงค์  ความตั้งใจ  ความคาดหวัง

๓) รู้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมรู้อะไรมาแล้วบ้าง

  • ความรู้เกี่ยวกับประเด็นปัญหา  ความรู้พื้นฐานในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ความรู้เชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

๔) รู้ว่าอาจมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในเรื่องใดได้บ้าง

  • ความขัดแย้งระหว่างบุคคล
  • ความขัดแย้งอันเกิดจากเนื้อหาของเรื่องที่กำลังประชุม
  • ความขัดแย้งที่เกิดจากภาวะตึงเครียด

๕) รู้ว่าจะเกิดผลอะไรเมื่อการประชุมเสร็จสิ้นแล้ว

  • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขององค์กร พลังและการมีส่วนร่วมในการดำเนินการแก้ปัญหา  กลุ่มมีสมรรถนะในการตัดสินใจที่จำเป็นในการดำเนินการเพียงใด

 การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem  Based  Learning)

การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem  Based  Learning) หรือ PBL หมายถึงกระบวนการเรียนการสอนซึ่งใช้ปัญหา เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะค้นคว้าหาข้อมูลและองค์ความรู้มาช่วยแก้ปัญหาหรือทำให้ปัญหานั้นกระจ่าง มองเห็นแนวทางแก้ไขทำให้เกิดการเรียนรู้และสามารถที่จะผสมผสานความรู้นั้นๆ ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเรียนรู้แบบ PBL เป็นการเรียนรู้ที่เน้นการพัฒนาผู้เรียน ให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Self directed  learning : SDL) เป็นการเรียนรู้ที่ถือผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered  Learning) ผู้เรียนจะใช้ทั้ง Hand  Heart และ Hand พร้อมๆกัน คือใช้สมองในการคิด ใช้หัวใจในการทำงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้และใช้มือในการจดบันทึกและค้นคว้า ซึ่งการเรียนแบบ PBLจะเกิดประโยชน์และได้ผลดีเมื่อเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มย่อย (Small  Group  Learning) ไม่เกิน ๑๕ คน โดยสมาชิกที่มีประสบการณ์ที่หลากหลายมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก คือเพื่อพัฒนาผู้เรียนด้าน

๑)  พัฒนาสมรรถนะกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต

๒) พัฒนาสมรรถนะในการแก้ปัญหา

๓) พัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง

๔) พัฒนาทักษะกระบวนการกลุ่ม

ขั้นตอนกระบวนการเรียนรู้แบบ PBL

ขั้นตอนที่   ๑    ทำความเข้าใจในความหมายของคำหรือประเด็นต่างๆในTrigger ให้เข้าใจ

ขั้นตอนที่   ๒    ค้นหาปัญหาและกำหนดปัญหาให้ชัดเจน

ขั้นตอนที่   ๓    วิเคราะห์ปัญหาเพื่อหาสาเหตุและตั้งสมมติฐาน

ขั้นตอนที่   ๔    ให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยวิทยากรพี่เลี้ยงและข้อมูลที่ค้นคว้าจากสถานการณ์จริง

ขั้นตอนที่   ๕    วิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง

ขั้นตอนที่   ๖    กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้

ขั้นตอนที่   ๗    ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองและวิทยากรหรือผู้รู้

ขั้นตอนที่   ๘    แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างสมาชิกและกลุ่ม/สรุปเนื้อหาและประสบการณ์ การเรียนรู้

ขั้นตอนที่   ๙    สรุปผลการศึกษา โดยการนำเสนอผลการศึกษาและจัดทำเอกสารรายงาน

เงื่อนไขในการเรียนรู้แบบ PBL

๑) กระตุ้นความรู้เดิม (Activation  of  prior  knowledge) ความรู้เดิมที่เป็นพื้นฐานนั้นมีประโยชน์มาก ผู้เรียนต้องพยายามนำเอาความรู้เดิมจากความทรงจำออกมาใช้ให้มากที่สุด วิทยากรพี่เลี้ยงหรือเพื่อนสมาชิกในกลุ่มจะต้องกระตุ้นให้เพื่อนสมาชิกนำความรู้เดิมออกมาให้กับกลุ่ม

๒) เสริมความรู้ใหม่ (Encording  specificity) การที่ผู้เรียนนำความรู้ที่แสวงหามาได้ใหม่เสริมกับความรู้เดิมจะทำให้เกิดความเข้าใจ ใคร่ครวญและฉุกคิด และเกิดความความคิดกว้างไกล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

๓) ต่อเติมความเข้าใจให้สมบูรณ์ (Elaboration  of  knowledge) หากผู้เรียนได้มีโอกาสต่อเติมความเข้าใจให้สมบูรณ์ โดยวิธีอภิปรายกับเพื่อนในกลุ่ม สรุป ตั้งคำถาม และพิสูจน์สมมติฐานการปฏิบัติดังกล่าวจะทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ เป็นความรู้เก็บกักไว้ในความทรงจำได้นาน และสามารถนำออกมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว

 ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน

ด้านการนำผลการพัฒนาไปประยุกต์ใช้กับงาน

  • การสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมของทีม
  • การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem  Based  Learning)

ด้านการนำผลการพัฒนาไปใช้ประโยชน์

             R การพัฒนาบุคลากร                       

             R การบริหารงาน

             R การพัฒนานักศึกษา                     

             R อื่นๆโปรดระบุ  การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ

 ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ

ด้านสมรรถนะ

  • พัฒนาศักยภาพบทบาทวิทยากรพี่เลี้ยงหลักสูตรผ.บ.ก./ผ.บ.ต. โดยใช้การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem  Based  Learning)
    • พัฒนาสมรรถนะในการแก้ปัญหา
    • พัฒนาการใช้ทักษะกระบวนการกลุ่ม

.ด้านอื่น ๆ

  • การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก สามารถนำมาเป็นเครื่องมือในจัดการเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ ทำให้สามารถพัฒนาตัวผู้เรียนให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นการเรียนที่ถือผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

 

 

 

 

 

 

  (548)

Comments are closed.