เวชปฏิบัติเชิงประจักษ์ร่วมสมัยในเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์

เวชปฏิบัติเชิงประจักษ์ร่วมสมัยในเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
 ผู้บันทึก :  น.ส.วลัยลักษณ์ สุวรรณภักดี
  กลุ่มงาน :  กลุ่มวิชาการพยาบาลสูติศาสตร์
  ฝ่าย :  ฝ่ายวิชาการ
  ประเภทการปฎิบัติงาน :  ประชุม
  เมื่อวันที่ : 1 ม.ค. 2513   ถึงวันที่  : 1 ม.ค. 2513
  หน่วยงาน/สถาบันที่จัด : 
  จังหวัด :  ชลบุรี
  เรื่อง/หลักสูตร :  เวชปฏิบัติเชิงประจักษ์ร่วมสมัยในเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
  วันที่บันทึก  24 มิ.ย. 2556


 รายละเอียด
ปัจจุบัน ความก้าวหน้าด้านการแพทย์มีการพัฒนาอย่างมากในทุกด้าน รวมทั้งงานด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลา เทคโนโลยีทางการสื่อสารพัฒนาอย่างไร้พรมแดนการสืบค้นความรู้ด้านการแพทย์ สะดวกขึ้น ผู้ป่วยและญาติสามารถสืบค้นข้อมูลได้มากขึ้นจึงคาดหวังต่อการรักษามากขึ้น  ดัง นั้นแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จึงต้องติดตามความก้าวหน้าของโรคและแนวทาง การดูแลรักษาให้ทันกับการพัฒนาขององค์ความรู้ การประชุมครั้งนี้จึงได้มีการเลือกหัวข้อที่สำคัญและเป้ฯปัญหาในปัจจุบันมา เผยแพร่เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ดูแลผู้ป่วยในความรับผิดชอบให้เกิด ผลลัพธ์ที่ดีทั้งต่อมารดาและทารกในครรภ์ โดยมีหัวข้อและเนื้อหาในการประชุมดังนี้

  1. What’s new in maternal  and  fetal  medicine

1.1   น้ำหนักระหว่างตั้งครรภ์ ACOG. ปี 2013 แนะนำให้พิจารณาเกณฑ์เพิ่มตามดัชนีมวลกาย

1.2   วิตามิน/ยาเสริมในสตรีตั้งครรภ์ ได้แนะนำวิตามินที่ควรรับประทานเสริมนอกจากธาตุเหล็ก และโฟลิก คือ แคลเซียม  Vitamin D และ Omega-3

1.3   การใช้ยาแก้ปวด พร้อมกันมากกว่า1 ชนิด เช่น Paracetamal และ Ibuprofen เสี่ยงต่อการคลอดบุตรชายที่พบ Underseened  testis มากกว่าสตรีที่ไม่ได้ใช้ 7 เท่า โดยความเสี่ยงพบมากในช่วงอายุครรภ์ 14-17 สัปดาห์ และถ้าใช้ยาแก้ปวดมากกว่า 1 ชนิดร่วมกับ Paracetamal เพิ่มความเสี่ยงมากกว่า 16 เท่า สาเหตุการเกิดเชื่อว่ายาแก้ปวดมีผลกระทบต่อความสมดุลของระดับ male hormone ของทารกเพศชายในครรภ์ โดยเฉพาะถ้าใช้เกิน 2 สัปดาห์

1.4   การใช้ Corticosteroid course ที่ 2 หรือ rescue course อาจพิจารณาให้ในสตรีที่เคยได้รับ Course แรกแล้วเกิน 7 วัน แต่ยังเสี่ยงต่อการ Preterm ก่อนอายุครรภ์ 34 สัปดาห์

1.5   การให้ MgSO4 เพื่อป้องกันทุพพลภาพของสมองทารกในครรภ์ ACOG. 2012 แนะนำ Criteria ในการให้ 3 ข้อ 1.อายุครรภ์ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 31 สัปดาห์

2. ครรภ์เดี๋ยวหรือแฝดที่เสี่ยงต่อการคลอดภายใน 30 นาที ถัดไปถึง 24 ชม. และ .เจ็บครรภ์สม่ำเสมอร่วมกับปากมดลูกเปิด 4-8 เซนติเมตร หรือ P-PROM ภายหลังอายุครรภ์ 22  สัปดาห์

3. มีข้อบ่งชี้ในการคลอดก่อนกำหนดภายในระยะเวลา 24 ชม.ถัดไป โดยพบว่าอัตราเกิด Cerebral  palsy ในทารกแรกเกิดที่ปานกลางและรุนแรกจะลดลงร้อยละ 50%

Regimen ที่แนะนำ ฉีด Mgso4 ถ้าเส้นเลือด 4 กรัม ไม่น้อยกว่า 20 นาที จากนั้นหยดเข้าเส้นเลือด 1 กรัม/1 ชม. จนครบ 24 ชม.

1.6   การใช้ยาปฏิชีวนะในระยะเจ็บครรภ์คลอด

1.6.1         การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง ให้เพื่อช่วยลดอัตราการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด และที่ตัวมดลูกลงด้วย การฉีดครั้งเดียวก่อนลงมีดผ่าตัดภายใน 60 นาทีพบว่า Therapeutic จะอยู่นาน 3-4 ชม.ยาที่แนะนำ ได้แก่ Cefazolin  1 gm. IV. รายที่แพ้ Panicilin อาจพิจารณาให้ Clindamycin ร่วมกับ Aminoglycoside

1.6.2         กรณีน้ำเดินก่อนคลอด ก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ การให้ยาปฏิชีวนะจะช่วยยืดระยะ latency period ระหว่างเวลาที่ถุงน้ำแตก และระยะเวลาคลอดได้แนะนำให้ฉีด Ampicillin 2 gm. IV q 6 hr. เป็นเวลา 48 ชม.  จากนั้นให้ Amoxycillin วันละ 2 gm. ต่ออีก 5 วัน ร่วมกับ azithromycin 500 mg. รับประทานในวันแรก และ 250 gm. อีก 6 วัน ร่วมเป็น 7 วัน

1.7   ระยะเวลาการตัดหรือการหนีบสะดือหลังคลอด

ACOG. ค.ศ. 2012 แนะนำตัด Cord หลังคลอดประมาณ 30 – 60 วินาที โดยวางทารกให้อยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่ารก ซึ่งจะทำให้ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีปริมาณเลือดเพิ่มมากขึ้น ลดความจำเป็นในการให้เลือด และลดอุบัติการณ์เลือดออกในสมอง ร้อยละ 50 และลดอุบัติการณ์ในภาวะซีดจากการขาดกรดโฟลิค

2.Roles of ultrasound and Progesterone for prevention of Spontaneous preterm Birth.

2.1 การใช้ Progesterone ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

2.1.1  Progesterone จะทำให้ Corticotrophin releasing hormone ลดลง ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

2.1.2 ออกฤทธิ์เป็น Anti-inflammatory effect ลดการหลั่ง Interleukin และการสร้าง

Prostaglandin จากปากมดลูก

การบริหารยา แนะนำให้ฉีด 17 – alpha-hydroxy progesterone caproate 250 gm. ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่อายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์ จนถึง 36 สัปดาห์ ในสตรีตั้งครรภ์เดี๋ยวที่มีประวัติคลอดก่อนกำหนด

2.2 การตรวจคัดกรองสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด โดยการวัด Cervical length (CL) ผ่านทาง Transvaginal ultrasound (TV) ซึ่งนอกจากจะได้ความยาวของปากมดลูกแล้วอาจตรวจพบ intraamniotic debris ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดด้วย ควรตรวจเมื่ออายุครรภ์ 16-17 สัปดาห์ ถ้าน้อยกว่า 25 ม.ม.เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด

3. What is new in Neonatal care.

3.1 สมาคมกุมารแพทย์สหรัฐอเมริกา ประกาศให้ทารกนอนหงายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545

3.2 การขลิบปลายองคชาตเป็นการช่วยลดภาวะเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในทารกเพศชายใน 2 ขวบปีแรก

3.3 การตรวจคัดกรองโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดวิกฤติในทารกแรกเกิด โดย pulse Oximeter วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ที่มือขวาพร้อมกับที่เท้าซ้ายหรือขวาก็ได้ ถ้าที่ตำแหน่งใดมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 95 % ต่างจากอีกตำแหน่งน้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 % ถือว่าปกติ แต่ถ้าน้อยกว่า 90 % ควรตรวจต่อ ช่วงเวลาดีที่สุดควรตรวจทารกแรกเกิดก่อนจำหน่ายกลับบ้าน แต่ไม่เร็วกว่าอายุ 24 ชม.หลังคลอด

4.Update in Fetal Growth Restriction.

การตรวจประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ ใช้วิธีการตรวจดู Umbilical artery (UA) และ Middle cerebral artery (MCA)  Umbilical vein (UV) และ Ductus venosus (DV)

อัตราทุพพลภาคปริกำเนิด

ผลกระทบระยะสั้น  ได้แก่ Hypoglycemia ,Polycythemia , academia , RDS , IVH ,IVEC

ผลกระทบระยะยาว ได้แก่  visual motor coorination :ซึ่งอาจมีผลจนถึงวัยเรียน

การ ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจคัดกรองภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์ที่มีการเจริญ เติบโตช้าในครรภ์ เพื่อกำหนดการรักษาและการยุติการตั้งครรภ์หรือเลือกใช้วิธีการคลอดที่เหมาะ สม


   ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงาน

  ความรู้ที่จะนำไปพัฒนาต่อ ?

(781)

Comments are closed.