การดูแลผู้ป่วยวิกฤต

การดูแลผู้ป่วยวิกฤต

แบบฟอร์มสำหรับส่งบทความเข้าคลังความรู้

 

วันที่บันทึก :  ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ผู้บันทึกนางสาวจันทิมา ช่วยชุม

กลุ่มงาน :  วิชาการพยาบาลพื้นฐานและพื้นฐานวิชาชีพ

ฝ่าย :  พัฒนานักศึกษา

ประเภทการปฏิบัติงาน: ประชุม

วันที่   ๒๘ ถึง ๓๐ กรกฎาคม  ๒๕๕๗

หน่วยงาน/สถาบันที่จัด : วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง

สถานที่จัด :   ณ โรงแรมธรรมรินทร์ธนา จังหวัดตรัง

เรื่อง : การดูแลผู้ป่วยวิกฤต

รายละเอียด

ด้านเนื้อหาสาระ

การดูแลผู้ป่วยวิกฤตมีประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

-          จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น

-    ผู้ป่วยวิกฤตต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น ต้องการบุคลากรที่มีความสามารถเฉพาะทาง

-          การมีหลักสูตรเฉพาะทางมากขึ้น ทำให้มีหัตถการต่างๆมากขึ้น

-          โรคติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

-          จำนวนผู้ป่วยไม่ติดเชื้อมากขึ้น เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง

-          ภัยจากธรรมชาติเพิ่มขึ้น

-          มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น

-          การปฏิรูประบบสุขภาพทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น

-          คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในเมืองไทยมากขึ้น

-          การเติบโตของการแพทย์เอกชน

เป้าหมายของการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต

-          เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่มีประสิทธิภาพ สามารถฟื้นฟูสภาพกลับมาได้ดีที่สุด ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

-    เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปรับตัว เผชิญกับความทุกข์ทรมาน (ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ เศรษฐกิจ สังคม และจิตวิญญาณ)

-    ในกรณีที่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ต้องดูแลให้ไปอย่างสงบ สมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ดูแลให้ครอบครัวสามารถเผชิญกับความสูญเสียได้อย่างเหมาะสม

 

Concepts ที่ใช้ในการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต ได้แก่

-          Synergy Model : โมเดลการประสานความร่วมมือ

: เป็นโมเดลที่เชื่อมโยง Practice กับ Patient outcome

: Model จะเชื่อมโยงคุณลักษณะของผู้ป่วยกับความสามารถของพยาบาล

: การมอบหมายงาน การมอบหมาย Case ที่วิกฤตที่สุดให้พยาบาลที่มีประสบการ์มากที่สุดเป็นผู้ดูแล

: ใช้ EBP เป็นแนวทางในการปฏิบัติการพยาบาล

: เป็น Model ที่สามารถประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตได้ทุกลักษณะของโรคและความเจ็บป่วย

-          FASTHUG and BANDAIDS

  1. Feeding : เริ่ม feed ให้เร็วที่สุด
  2. Analgesia : ประเมินความปวดให้ได้และควบคุมให้ได้
  3. Sedation : การให้ยาระงับประสาท
  4. Thromboembolic prevention : การป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
  5. Head of the bed evaluation : การปรับเตียงให้หัวสูง
  6. Stress ulcer prophylaxis : การให้ยาป้องกันเลือดออกในกระเพาะอาหาร
  7. Glucose control : ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วง 80-200 mg%
  8. Bowels address ; ดูแลเรื่องการขับถ่ายเพื่อลดของเสียคั่ง
  9. Increased daily activity : ส่งเสริมการเคลื่อนไหว
  10. Night time rest : ดูแลเรื่องการนอนหลับ
  11. Disability prevention and discharge planning : การป้องกันโรคแทรกซ้อนและการวางแผนจำหน่าย
  12. Aggressive alveolar maintenance : การปกคลุมถุงลมในปอด
  13. Infection prevention : การป้องกันการติดเชื้อ
  14. Delirium assessment and treatment : การประเมินและการจัดการภาวะสับสนเฉียบพลัน
  15. Skin and spiritual care : การดูแลผิวหนังและการดูแลมิติจิตวิญญาณ

-          End of life care

-          Ethical issues

Assessment and Monitoring

Assessment

 

 

Pre-arrival

 

 

Admission Quick Check

 

 

Comprehensive Admission Assessment

 

 

Ongoing Assessment

เครื่องมือที่ใช้ใน Assessment ได้แก่

  1. APACHE II, APACHE IV
  2. FANCAS : F = Fluid balance; A = Aeration; N = Nutrition; C = Communication; A = Activities; S = Stimulation

 

Monitoring

                             Hemodynamic                                         Respiratory

 

EKG              BP              CVP          PA            Bedside clinical  Oxygenation  Ventilation

 

การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะ Shock

 

 

 

Principles of Shock Management

  • Improve oxygen delivery to prevent cellular and tissue injury
  • Restoration of perfusion to achieve adequate blood pressure, cardiac output
  • Correction of etiology

Monitoring of Shock Management

  1. Clinical Manifestations
  • Mental status
  • Blood pressure
  • Heart rate
  • Jugular venous pressure
  • Urine output
  1. Invasive Monitoring
  • Central venous pressure : CVP
  • Central venous oxygen saturation : ScvO2
  • Pulmonary capillary wedge pressure : PCWP
  • Systemic vascular resistance  : SVR
  • Cardiac output/ Cardiac index : CO/CI

การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะ Sepsis (2012) แบ่งเป็น

1. 3-HOUR RESUSCITATION BUNDLE

a. Draw lactate

b. 2 sets of hemocultures      : within 45 minutes

c. Broad spectrum antibiotics : within 1 hour

d. At least 30 mL/Kg crystalloid fluid challenge

2. 6-HOUR RESUSCITATION BUNDLE

a. Vasopressor : keep MAP ≥ 65mmHg

(if goals not met by fluid challenge, NE is drug of choice.)

b. Persistent hypotension or initial lactate ≥ 4 mmol/L:

i. CVP :   8‐12 mmHg

: 12‐15 mmHg

for patients with mechanically‐ventilation or

↑ intraabdominal pressure due to cardiac filling impediment

ii. ScvO2: goal ≥ 70% (or, SvO2 ≥ 65%)

c. Re‐measure lactate: goal is normalizing lactate

d. Urine Output ≥ 0.5 mL/Kg/hr

เครื่องมือที่ใช้ในการ Early detection ได้แก่

  1. Modify Early Warning Score (MEWS) : ประเมิน SBP; HR; RR; Body Temp; Conscious โดยประเมินการเบี่ยงเบนไปจากเกณฑ์ 0
  2. National Early Warning Score (NEWS)

สรุปเนื้อหาจากการเรียนรู้ด้านใด

วิชาการ

วิชาชีพ

ความรู้ที่ได้นำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนางานของตนเอง

ด้านการนำผลการพัฒนาไปประยุกต์ใช้กับงาน

การนำเนื้อหาความรู้และแนวปฏิบัติที่ทันสมัยเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยวิกฤตมาใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอนทั้งในภาคทฤษฎีและการขึ้นฝึกปฏิบัติงานในภาคปฏิบัติเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักศึกษาและหอผู้ป่วยที่ขึ้นฝึกปฏิบัติงานต่อไป

การพัฒนาตนเองและวิชาชีพให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ว่าได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล

ด้านการนำผลการพัฒนาไปใช้ประโยชน์

การเรียนการสอน

การพัฒนาบุคลากร

ด้านสมรรถนะ

การพัฒนาด้านความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยวิกฤต

การสร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมวิชาชีพและทีมสหสาขาวิชาชีพ

  (6450)

Comments are closed.