ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21

ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21

ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่เขียนโดย ศ. น.พ.วิจารณ์ พานิช ได้กล่าวว่า   การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัยและตลอดชีวิตคือ 3R x 7C กล่าวคือ 3R ได้แก่
1. Reading (อ่านออก)
2. (W)Riting (เขียนได้)
3. (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)
และ 7C ได้แก่
1.Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
2. Creativity & innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
3. Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
4. Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
5. Communications, information & media literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ)
6. Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
7. Career & learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)

ดังนั้นทักษะของคนต้องเตรียมคนออกไปเป็น  Knowledge Worker  โดยครูเพื่อศิษย์นั้นจะต้อง เปลี่ยนแปลงตัวเองโดยสิ้นเชิงเพื่อให้เป็น “ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21” ไม่ใช่ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 20 หรือศตวรรษที่ 19 ที่เตรียมคนออกไปทำงานในสายพานการผลิตในยุคอุตสาหกรรม การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องเตรียมคนออกไปเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้ (Knowledge Worker) และเป็นบุคคลพร้อมเรียนรู้ (Learning Person) ไม่ว่าจะประกอบสัมมาชีพใด มนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ต้องเป็นบุคคลพร้อมเรียนรู้ และเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้  แม้จะเป็นชาวนาหรือเกษตรกรก็ต้องเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ และเป็นคนทำงานที่ใช้ความรู้  ดังนั้นทักษะสำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 21 จึงเป็นทักษะของการเรียนรู้ (Learning Skills) ครูเพื่อศิษย์เองต้องเรียนรู้ 3R x 7C และต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต แม้เกษียณอายุจากการเป็นครูประจำการไปแล้วเพราะเป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิตของตนเองระหว่างเป็นครูประจำการก็เรียนรู้สำหรับเป็นครู เพื่อศิษย์และเพื่อการดำรงชีวิตของตนเองโดยย้ำว่าครูต้องเลิกเป็น “ผู้สอน” ผันตัวเองมาเป็นโค้ช หรือ Facilitator ของการเรียนของศิษย์ที่ส่วนใหญ่เรียนแบบ PBL คือโรงเรียนในศตวรรษที่ 21 ต้องเลิกเน้นสอน หันมาเน้นเรียน เน้นทั้งการเรียนของศิษย์และของครู

“การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ควรจะมีลักษณะอย่างไร”  โดยที่การศึกษาในประเทศไทยนั้นได้ยึดหลักของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ตามความคิดของนักคอนสตรัคติวิสต์(Constructivist) ที่เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจากการที่ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ นักจิตวิทยาที่มีอิทธิพลต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง คือ Piaget นักจิตวิทยาชาวสวิส และ Vygotsky นักจิตวิทยาชาวรัสเซียPiaget เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ที่ช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างความรู้ความคิด เกิดการเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่ ส่วน Vygotsky อธิบายหลักการสำคัญว่าผู้เรียนจะมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ในระดับหนึ่ง และจะสามารถก้าวไปยังระดับการเรียนรู้ที่สูงขึ้นตามศักยภาพที่มีอยู่เมื่อได้รับการแนะนำช่วยเหลือจากผู้รู้ แนวความคิดของทั้ง Piaget และ Vygotsky มีส่วนที่คล้ายคลึงกันตรงการมีปฏิสัมพันธ์เพื่อนำสู่การเชื่อมโยงระหว่างประสบการณ์เดิมและประสบการณ์ใหม่ และการไปถึงระดับที่ผู้เรียนมีศักยภาพ

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ทำให้วงการการศึกษาในประเทศไทยจำเป็นต้องตอบสนองต่อความท้าทายที่ต้องเผชิญอยู่นี้ เราต้องการรูปแบบการทำงานที่สามารถพัฒนากรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อที่สามารถจัดการศึกษาตอบสนองต่อความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงของสังคมซึ่งเยาวชนไทยกำลังเผชิญอยู่ จากบทแรกเราทราบนิยามของทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในบทนี้เราจะมาตีความหมายและพยายามทำความเข้าใจว่าครูที่มีหน้าที่สอนนั้นจะออกแบบบทเรียนอย่างไรเพื่อให้นักเรียนสามารถบรรลุเป้าหมายเกิดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เมื่อเราอ่านนิยามของทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จะเห็นได้มุมมองของนักการศึกษาที่ต้องการให้นักเรียนในอนาคตมีคุณลักษณะดัง 4 ประการนี้

1.   วิถีทางของการคิด ได้แก่ สร้างสรรค์ คิดวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การเรียนรู้และตัดสินใจ   (Ways of Thinking. Creativity, Critical Thinking, Problem-solving, decision- Making and Learning)

2.   วิถีทางของการทำงาน ได้แก่ การติดต่อสื่อสาร และการร่วมมือ (Ways of Working. Communication and Collaboration)

3.   เครื่องมือสำหรับการทำงาน ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และความรู้ด้านข้อมูล (Tools for Working. Information and Communications Technology (ICT)  and Information Literacy)

4.   ทักษะสำหรับดำรงชีวิตในโลกปัจจุบัน ได้แก่ ความเป็นพลเมือง ชีวิตและอาชีพ และ ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม (Skills for Living in the World. Citizenship, Life and Career, and Personal and Social Responsibility)

จากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ทำให้การจัดการเรียนการสอนต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยนักการศึกษาได้มีการนำเสนอหลักการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญของลักษณะการจัดการเรียนรู้ได้ดังนี้

1.   มนุษย์มีรูปการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ผู้สอนจึงต้องใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย หากผู้สอนนำรูปแบบการเรียนรู้แบบใดแบบหนึ่งไปใช้กับผู้เรียนทุกคนตลอดเวลา อาจทำให้ผู้เรียนบางคนเกิดอาการตายด้านทางสติปัญญา

2.   ผู้เรียนควรเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ของตนเอง ไม่ใช่นำความรู้ไปใส่และให้ผู้เรียนดำเนิน รอยตามผู้สอน

3.   โลกยุคใหม่ต้องการผู้เรียนซึ่งมีวินัย มีพฤติกรรมที่รู้จักยืดหยุ่นหรือปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นแบบเผด็จการ แบบให้อิสระ หรือแบบประชาธิปไตย

4.   เนื่องจากข้อมูลข่าวสารในโลกจะทวีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทุกๆ 10 ปี โรงเรียนจึงต้องใช้วิธีสอนที่หลากหลาย โดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ กัน

5.   ให้ใช้กฎเหล็กของการศึกษาที่ว่า “ระบบที่เข้มงวดจะผลิตคนที่เข้มงวด” และ “ระบบที่ยืดหยุ่นจะผลิตคนที่รู้จักคิดยืดหยุ่น”

6.   สังคม หรือชุมชนที่มั่งคง ร่ำรวยด้วยข้อมูลข่าวสาร ทำให้การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายๆ สถานที่

7.   การเรียนรู้แบบเจาะลึก (Deep Learning) มีความจำเป็นมากกว่าการเรียนรฝฦแบบผิวเผิน (Shallow Learning) หมายความว่า จะเรียนอะไรต้องเรียนให้รู้จริง ให้รู้ลึก รู้รอบ ไม่ใช่เรียนแบบงูๆ ปลาๆ ดังจะเห็นจากในอดีตว่ามีการบรรจุเนื้อหาไว้ในหลักสูตรมากเกินไป จนผู้เรียนไม่รู้ว่าเรียนไปเพื่ออะไร และสิ่งที่เรียนไปแล้วมีความสัมพันธ์อย่างไร

การสอนที่จัดว่ามีประสิทธิภาพ ครูนั้นต้องมีคุณสมบัติมากกว่าการเป็นผู้ที่ทำหน้าที่สอน (Instructor)  ครูต้องมีลักษณะของผู้ที่สามารถชี้แนะการเรียนรู้ (Learning Coaching) และสามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำนักเรียนท่องเที่ยวไปสู่โลกแห่งการเรียนรู้ได้ (Learning Travel Agent) จากที่กล่าวมานั้นบทบาทของครูจากยุคสมัยก่อนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อก้าวสู่ยุคแห่งศตวรรษที่ 21 ครูในโลกยุคใหม่ต้องมีความรอบรู้มากกว่าการเป็นผู้ดูแลรายวิชาที่สอนเท่านั้น แต่ครูมีบทบาทของการเพิ่มพูนความรู้แก่นักเรียน เสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ

ในศตวรรษที่ 21 การจัดการเรียนรู้นั้นต้องมีความสัมพันธ์ มีขั้นตอนและกระบวนการที่เป็นลำดับที่ผู้เรียนสามารถมีส่วนร่วมกับการเรียนการสอน เช่น การกำหนดปัญหาที่สนใจและการทำกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์และสามารถบูรณาการกับรายวิชาอื่นๆ ได้

ในศตวรรษที่ 21 ไอซีทีได้เข้ามาบทบาททางการศึกษาและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก ไอซีทีในปัจจุบันจึงไม่ใช่เป็นเพียงแหล่งข้อมูลข่าวสารเท่านั้น

“ครูสามารถบูรณาการความก้าวหน้าทางไอซีทีกับการจัดการเรียนรู้ได้อย่างไร”
การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี (Technology-based Learning) ครอบคลุมวิธีการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบได้แก่ การเรียนรู้บนคอมพิวเตอร์ (Computer-based Learning) การเรียนรู้บนเว็บ (Web-based Learning) ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classrooms) ความร่วมมือดิจิตอล (Digital Collaboration) เป็นต้นผู้เรียนสามารถเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เช่น อินเทอร์เน็ต (Internet) อินทราเน็ต (Intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม (Satellite broadcast) แถบบันทึกเสียงและวิดีทัศน์ (Audio/Video Tape) โทรทัศน์ที่สามารถโต้ตอบกันได้ (Interactive TV) และซีดีรอม (CD- ROM)   การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับแต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่งของเทคโนโลยี ทำให้ผู้สอนจำเป็นต้องศึกษา   หาความรู้และเตรียมพร้อมตนเองเพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้ในการเรียนการสอนวิธีการเตรียมตัวในการใช้เทคโนโลยีในการสอนคือ เทคนิครู้เขารู้เรา โดยสิ่งที่ครูต้องรู้มี 2 ประการคือ (1) การรู้และเข้าใจศักยภาพของทรัพยากรที่โรงเรียนมี เช่น ครูต้องรู้ว่าในโรงเรียนมีอะไรที่สามารถใช้เป็นประโยชน์ในการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ โดยปกติแล้วสิ่งที่โรงเรียนมีคือ ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องโสตทัศนศึกษา ห้องเรียนที่มีเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ หรือแบบโน๊ตบุ๊ค รวมไปถึงระบบขยายเสียง (2) ครูต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอน รวมไปถึงข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ โปรแกรมประยุกต์ที่เป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน สื่อภาพและเสียง วิดิทัศน์ ข่าวและประเด็นที่เป็นที่สนใจ เป็นต้น เทคโนโลยีที่ครูสามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิด มีจำนวนมาก และครูสามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัดหรือความสนใจ

การพัฒนาเด็กในยุคศตวรรษที่ 21 (วิจารณ์ พานิช,2555)

-  Disciplined mind
-  Synthesizing  mind
-  Creating  mind
-  Respectful  mind
-  Ethical  mind
-  Global  awareness

แนวทางการจัดการศึกษาในศตวรรษหน้า

ครูต้องสามารถบูรณการความก้าวหน้าทาง ICT กับการจัดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

Digital organization เพื่อลดจำนวนบุคลาการ

ทำอย่างไรให้องค์กร ใช้ระบบสารสนเทศในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุน ทรัพยากร

เพราะอะไรไม่เกิดทั้งองค์กร  management เพื่อลดต้นทุน ลดคน นำ IT เป็นตัวตั้ง

นโยบาย ส บ ช All in one วางระบบให้สามารถทำงานทุกที่

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการจัดการเรียนการสอน
โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย สกอ.  http://thaicyberu.go.th
PADLET   http://padlet.com/anuchai_t/pi

การประยุกต์เทคโนโลยีในฐานะของครูเพื่อจัดการเรียนการสอน

อุปกรณ์จะช่วยงานดีขึ้นอย่างไร

เทคโนโลยี e-learning  ลดปัญหาได้อย่างไร

เริ่มจากการเรียนการสอนมีปัญหา อย่างไร สอนอย่างไรให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ นักเรียนหลับ นักเรียนไม่สนใจ นักเรียนลืม  ตั้งสมมติฐาน แล้ว นำเทคโนโลยี e-learning  มาช่วยอย่างไร
ผู้เรียนรับไม่ได้ รับไม่ทัน หรือไม่อยากเรียน  พื้นฐานผู้เรียนไม่เพียงพอ ทำให้รับไม่ทัน คนเก่ง คนอ่อน มีความแตกต่างของการรับรู้ อาจารย์สอนในห้องที่มีจำนวนนักเรียนเยอะ สื่อของ e-learning  ผู้เรียนสามารถมาเรียนได้ตามพื้นฐาน ตามศักยภาพ ตามความเร็วของตนเอง อาจารย์ทำสื่อให้เรียนล่วงหน้า  ให้เรียนทบทวน เพื่อช่วยลดปัญหาช่อว่างของผู้เรียน เพื่อปรับพื้นฐานของผู้เรียนให้ใกล้เคียงกันก่อน

ทำอย่างไรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม

การใช้ PADLET  ให้นักเรียนมีส่วนร่วมสามารถตั้งคำถามในห้องเรียน
การนำเทคโนโลยีมาใช้  ย้อนไปที่ปัญหาที่อาจารย์พบ แล้วอาจารย์อยากแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา

การเตรียมสอนนักเรียน โดย มคอ TQF
ภาระงานที่มีเยอะ การประกันคุณภาพ มีเทคโนโลยีที่ช่วยมากขึ้น
เตรียมแผนการสอนอย่างไร : อาจารย์ต้องเปลี่ยนวิธีคิดก่อน  มองหาว่าเราจะเอาสิ่งใหม่ไปใช้กับนักเรียน เปลี่ยนนักเรียน สื่อต่างๆที่ใช้ต้องทันยุคทันสมัย  ทำไมลูกศิษย์ไม่เหมือนสมัยที่เราเรียน จะสนับสนุนอย่างไรให้นักเรียนมีวิธีแสดงความคิดเห็นได้

ทำอย่างไรให้นำไปใช้ได้ประสบความสำเร็จ
กลับจากอบรม มีความมุ่งมั่น คุยกับฝ่าย IT และผู้บริหาร ให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าจะใช้งานร่วมกันอย่างไร  อาจารย์ท่านไหนมีความมุ่งมั่นจะเปิดวิชาใน e-learning  ทำแบบค่อยๆเป็นๆไป ใช้ปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิชาไหนใช้เต็มรูปแบบ วิชาไหนใช้แค่เป็นสื่อประกอบ
การจัดสัมมนา การอัพเดตฟังก์ชั่นใหม่  วิธีการใช้งาน มีการเชื่อมการประสานงาน การมีเวทีแลกเปลี่ยนทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิด ภายใต้ทฤษฎีการกระจายนวัตกรรม Show & Share
เวลาอบรมให้ไปด้วยกันทั้งอาจารย์และ นัก IT

 

บทบาทของผู้บริหาร

การสื่อสารซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ  ให้มี Evidence เก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ อ้างอิงได้ลดต้นทุน เพิ่มคุณค่า  บริหารด้วยข้อมูล  ความพร้อมของอาจารย์ในการนำไปใช้

นักเรียนใช้ IT เก่งแต่ไม่เข้าเรียนแบบมีส่วนร่วม e-learning

-  ทำอย่างไรให้น่าสนใจ อย่าสอนให้เหมือนการสอนแบบทั่วไป

-   เรียนยุคใหม่ต้องการการโต้ตอบ ต้องอยู่กับนักเรียนขณะออนไลน์  อาจารย์ active นักเรียน active มากขึ้น

-          เข้าใจธรรมชาติของผู้เรียน เป็นอย่างนักเรียน  สร้างข้อตกลง เวลาที่จะร่วมพูดคุย  อาจารย์ต้องเร็ว

-          การท้าทายผู้สอน  คำตอบมีหลายคำตอบ
Think for share ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งรายวิชา แต่ต้องการเรียนการสอน

-          ทำให้นักเรียนเข้าใจว่า ชั่วโมงที่พบอาจารย์ คือ ช่วงเวลาที่มีค่า เพราะฉะนั้นก่อนที่มาพบอาจารย์นักเรียนต้องมีการเตรียมการ   ใช้แล้วนักเรียนมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น  ให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียนสูงสุด

Flipped classroom model

Learning Outcome

Outside-of-class: Videos, Postcard, Book, Website

In class: Collaborative

ครูจัดการบทเรียนไว้ล่วงหน้าที่บ้าน

ในห้องเรียน ตรวจสอบความเข้าใจใน concepts  ให้คำแนะนำตามความต้องการของนักเรียน

1.สร้างสื่อ ให้น้อยกว่า 10 นาที

2.ให้นักเรียนทำความเข้าใจเนื้อหา

3.สร้างแรงจูงใจ

4. ห้องเรียนอภิปราย หรือ สะท้อนคิด (0)

Comments are closed.